SIRI อัพเป้ายอดขายปีนี้แตะ 5 หมื่นลบ. เดินหน้าเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่า 1.2 หมื่นลบ.

SIRI อัพเป้ายอดขายปีนี้แตะ 5 หมื่นลบ. เดินหน้าเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่า 1.2 หมื่นลบ.


นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า บริษัทมีการพิจารณาปรับเป้ายอดขายในปี 2561 จากเดิมที่ตั้งไว้ 45,000 ล้านบาท เป็น 50,000 ล้านบาท เนื่องจากในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมียอดขายแล้วกว่า 41,500 ล้านบาท คิดเป็น 92% จากเป้าหมายยอดขายเดิมที่ตั้งไว้ แบ่งเป็นยอดขายคอนโดมิเนียม 26,000 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 13,000 ล้านบาท และทาวน์เฮ้าส์ 2,500 ล้านบาท

“บริษัทมีแผนเปิดตัวโครงการในปีนี้ 29 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 70,000 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสสุดท้ายมีแผนเปิดตัวที่อยู่อาศัยที่จะรองรับเป้าหมายยอดขายใหม่ 50,000 ล้านบาท อีก 7 โครงการ มูลค่ารวม 12,700 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 3 โครงการ บ้านเดี่ยว 1 โครงการ และทาวน์เฮาส์ 3 โครงการ ทั้งนี้ ความสำเร็จจากการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมารวมถึงแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจที่ชัดเจนดังกล่าว ทำให้บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถสร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายธุรกิจใหม่ตามที่วางไว้ซึ่งจะนับเป็นการสร้างประวัติการณ์ยอดขายใหม่ที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ในรอบ 34 ปีของแสนสิรินับแต่มีการก่อตั้งบริษัทและเป็นปีที่ดีที่สุดของแสนสิริ” นายวันจักร์ กล่าว

ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทได้รับการตอบรับที่ดีในทุกประเภทที่อยู่อาศัย โดยเตรียมเปิดตัวทาวน์เฮาส์แบรนด์ สิริ เพลส อีก 2 โครงการใหม่ ได้แก่ สิริ เพลส ราชพฤกษ์-345 สิริ เพลส จรัญ-ปิ่นเกล้า และ ในเดือนตุลาคมนี้ อีกทั้งบริษัทยังประสบความสำเร็จในการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียม ทั้งการพลิกวงการอสังหาริมทรัพย์ ด้วยการเปิดตัวแบรนด์ไลฟสไตล์คอนโดมิเนียมแนวคิดใหม่ “XT Condominium” รับเทรนด์การเติบโตของลูกค้ากลุ่มมิลเลียนเนียล

โดยเปิดตัวพร้อมกัน 3 โครงการบนทำเลโดนใจชาวมิลเลนเนียล (Central Millennial District) บนพื้นที่ย่านเอกมัย, ห้วยขวาง และพญาไท มูลค่ารวมถึง 21,400 ล้านบาท นับเป็นมูลค่าการเปิดตัวโครงการพร้อมกันสูงสุดในประวัติการณ์ของแสนสิริและเป็นหนึ่งในการผลักดันให้เป็นปีแห่งที่สุดของแสนสิริ

รวมถึงความสำเร็จจากการเปิดตัวคอนโดมิเนียมแบรนด์ เดอะ เบส ภายใต้คอนเซ็ปต์ใหม่ MARK MY BASE ที่ได้เปิดตัวในปีนี้ 3 โครงการ 3 ทำเลในกรุงเทพฯ และภูเก็ต มูลค่ารวม 6,100 ล้านบาท ได้แก่ เดอะ เบส สุขุมวิท 50, เดอะ เบส สะพานใหม่ และเดอะ เบส เซ็นทรัล ภูเก็ต รวมทั้งความสำเร็จจากการเปิดตัว “บ้านแสนสิริ พัฒนาการ” ที่สร้างปรากฎการณ์ด้วยสถิติการขายโครงการบ้านเดี่ยวระดับซูเปอร์ลักซ์ชัวรี่รวดเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ในไทย สร้างยอดขายไปแล้วกว่า 65% มูลค่าสูงถึง 3,600 ล้านบาท ในระยะเวลาเพียง 3 เดือน

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จจากการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทเล็งเห็นถึงแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจที่ชัดเจน จากที่อยู่อาศัยโครงการต่างๆ ของบริษัท ที่ลูกค้าให้การตอบรับที่ดี ทั้งทาวน์เฮาส์ที่เติบโตขึ้นเกือบ 90% คอนโดมิเนียมที่เติบโตขึ้นกว่า 81% และบ้านเดี่ยวที่เติบโตขึ้น 45% ทุกโครงการได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด ในกลุ่มลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติ

ขณะเดียวกันกลุ่มลูกค้าแสนสิริยังมีการตอบรับโอนที่ดีอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทมีกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่อยู่อาศัยด้วยเงินสด ทำให้บริษัทไม่มีความกังวลต่อภาพรวมเรื่องสินเชื่ออสังหาฯ โดยเป้าหมายยอดขายที่มีการปรับใหม่เป็น 50,000 ล้านบาทนี้จะนับเป็นอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นกว่าปีก่อนถึง 30%

นอกจากนี้ การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในตลาดต่างจังหวัดเติบโตขึ้นถึง 73% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและเติบโตขึ้นแล้วถึง 30% จากยอดขายตลาดต่างจังหวัดในปีที่ผ่านมา อาทิ โครงการ “เดอะ เบส เซ็นทรัล ภูเก็ต” ที่สามารถปิดการขายทันทีในวันแรกที่เปิดพรีเซลโครงการ “ลา คาซิตา” หัวหิน ซึ่งบริษัทครองความเป็นเจ้าตลาดในการพัฒนาคอนโดมิเนียมตากอากาศมาอย่างยาวนาน มียอดขายแล้วถึง 95% ใกล้ปิดการขาย

รวมถึงโครงการ “เอดจ์ เซ็นทรัล พัทยา” ได้รับการตอบรับที่ดีมากจากกลุ่มลูกค้าคนไทยและชาวต่างชาติที่มีความต้องการคอนโดมิเนียมในพัทยาทั้งเพื่อพักผ่อนและปล่อยเช่า จนล่าสุดมียอดขายเกือบ 100% จ่อคิวปิดการขายเร็วๆ นี้ ขณะที่ดีคอนโดหาดใหญ่ มียอดขายแล้วกว่า 75%

นอกจากนี้บริษัทยังประสบความสำเร็จในการสร้างยอดขายจากตลาดต่างชาติ โดยสามารถสร้างยอดขายได้แล้วถึง 12,000 ล้านบาท คิดเป็นถึง 93% จากเป้าหมายยอดขายตลาดต่างชาติที่ตั้งไว้ในปีนี้ 13,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ปัจจุบันแสนสิรินับเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ครองส่วนแบ่งการตลาดลูกค้าต่างชาติที่สูงที่สุด จากการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไทยบริษัทเดียวที่เปิดการขายโครงการในต่างประเทศพร้อมกันในหลายประเทศ (Global Launch) และจัดกิจกรรมหลังการขายกับลูกค้าต่างชาติอย่างต่อเนื่อง

Back to top button