SABINA แย้มผลงานไตรมาส 4 สดใส ปักธงยอดขายปี 62 โต 12% รับแผนบุกตลาดออนไลน์

SABINA แย้มผลงานไตรมาส 4 โตต่อเนื่อง ปักธงยอดขายปี 62 พุ่งเกิน 12% รับแผนบุกตลาดออนไลน์


นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 62 จะเติบโต 10-12% จากการผลักดันยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่อง โดยช่วงไตรมาส 3/61 ยอดขายผ่านช่องทางออนไลน์เติบโตกว่า 161% ส่งผลให้ในปีหน้าบริษัทจะยังคงรุกการขายผ่ายช่องทางออนไลน์ต่อเนื่อง

ขณะที่การขายผ่านหน้าร้านค้ายังเติบโตอย่างต่อเนื่อง หลังจากเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมาฟื้นตัวขึ้น ทำให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอย โดยเฉพาะการซื้อสินค้าที่ใช้ในชิวิตประจำวัน รวมถึงยอดขายจากต่างประเทศก็ยังมีผู้จัดจำหน่ายในประเทศ CLMV สั่งซื้อสินค้าของบริษัทเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ด้าน ธุรกิจการรับจ้างผลิตบริษัทได้ฐานลูกค้าใหม่ๆที่เป็นกลุ่มประเทศยุโรปเข้ามาเสริม หลังจากที่ลูกค้ากลุ่มยุโรปย้ายการสั่งผลิตจากจีนมาสู่ไทยและเวียดนาม เนื่องจากมาตรการควบคุมมลพิษของโรงงานในจีน ทำให้บริษัทได้อานิสงส์ดังกล่าว แต่ในปี 62 ยังต้องติดตามว่าทิศทางเศรษฐกิจโลกจะเป็นอย่างไร เพราะมีผลต่อการตัดสินใจของลูกค้า

นอกจากนี้บริษัทตั้งงบการตลาดในปี 62 ไว้ที่ 5% ของยอดขาย เพื่อใช้ทำกิจกรรมส่งเสริมการขายต่างๆ ซึ่งจะเน้นไปที่ช่องทางออนไลน์มากขึ้น พร้อมกับวางงบลงทุน 5 ล้านบาท เพี่อขยายกำลังการผลิตชุดชั้นในในโรงงานของบริษัทเพิ่มขึ้นอีก 10% จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตรวมอยู่ที่ 1 ล้านชิ้น/เดือน โดยปัจจุบันมีอัตราการใช้กำลังการผลิต 95% ใกล้เต็มแล้ว หลังจากบริษัทได้ลูกค้า OEM เข้ามาเพิ่มเป็นจำนวนมาก ทำให้บริษัทตต้องเตรียมความพร้อมรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นในปีหน้า

ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทในปี 62 คาดว่าจะรักษาให้อยู่ในระดับที่ 50% ซึ่งริษัทยอมรับว่าการทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นไปมากกว่านี้เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เพราะถือว่าเป็นระดับที่สูงแล้วและเพิ่มขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดจากเดิมที่ 30% หลังจากบริษัทได้ปรับกลยุทธ์มาขายผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้ได้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) ที่ดี เพราะเป็นช่องทางที่มีต้นทุนต่ำ แม้ว่าจะต้องขายสินค้าในราคาที่แข่งขันกันสูง ซึ่งในบางครั้งต้องมีการตัดราคาขายกัน แต่ก็มียอดการสั่งซื้อที่มาก

ด้านการรับจ้างผลิต OEM ที่เน้นการรับงานที่ให้มาร์จิ้นสูง ที่ต้องใช้เทคโนโลยีในการผลิตขั้นสูงและการผลิตที่ใช้เทคนิคยาก ทำให้บริษัทได้รับมาร์จิ้นที่สูงจากงาน OEM หนุนต่ออัตรากำไรขั้นต้น

สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/61 คาดว่าจะยังเห็นการเติบโตขึ้นได้ต่อเนื่องจากไตรมาส 3/61 เพราะเป็นช่วงเทศกาลที่ประชาชนจะมีการจับจ่ายใช้สอยกันมาก และในไตรมาส 4 ปีนี้ เป็นช่วงที่สถานการณ์ต่างๆ เข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งแตกต่างจาก 2 ปีที่ผ่านมา และหากรัฐบาลมีมาตรการช้อปช่วยชาติออกมา ก็อาจจะทำให้ยอดขายของบริษัทในปีนี้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ 15%

ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายในช่วง 5 ปี (ปี 62-66) ตั้งเป้ายอดขายเติบโต 10-15% ต่อปี และสัดส่วนยอดขายในปัจจุบันมาจากการขายผ่านสาขา 80% การรับจ้างผลิต 9% การขายนผ่านช่องทางออนไลน์, ทีวี และแคตตาล็อก 9% และการส่งออก 2%

 

 

X
Back to top button