โบรกฯแนะสอย EGCO ชี้ลงทุนโรงไฟฟ้า “Paju” รับผลดี 2 เด้ง กำไรปี 62 พุ่ง-ราคาหุ้นเพิ่ม

โบรกฯแนะสอย EGCO ชี้ลงทุนโรงไฟฟ้า "Paju" รับผลดี 2 เด้ง กำไรปี 62 พุ่ง-ราคาหุ้นเพิ่ม ฟากโบรกฯ เคาะเป้าสูง 280 บ.


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ เกี่ยวกับบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO หลังพบว่ามีนักวิเคราะห์หลายแห่งกำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น EGCO ในราคาเป้าหมายสูงสุดที่ระดับ 280 บาท โดยประเมินว่าการจะเข้าซื้อหุ้น 49% ในบริษัท Paju Energy Service Co.,Ltd. (Paju ES) เจ้าของโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซฯเป็นเชื้อเพลิง ขนาดกำลังผลิตรวม 1,823 เมกะวัตต์ (MW) ในเกาหลีใต้ ซึ่งอยู่ในกลุ่มบริษัท SK E&S Co.,Ltd. (SK E&S) จะช่วยเพิ่มกำไรของ EGCO ในปี 62 ตั้งแต่ช่วง 0.9-1.7 พันล้านบาท

อีกทั้งคาดว่าจะช่วยหนุนราคาหุ้นเพิ่มขึ้นในช่วง 9-15 บาท/หุ้น เนื่องจากเป็นโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ (COD) แล้ว นอกจากนี้ยังจะช่วยเพิ่มโอกาสการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ให้กับ EGCO จากความเชี่ยวชาญของ SK E&S ในธุรกิจ LNG ครบวงจร

ขณะที่ยังลุ้นแผน PDP ฉบับใหม่ของไทยที่เตรียมจะประกาศออกมาในเร็ววันนี้ ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่จะอิงกับความต้องการใช้ไฟฟ้า และปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้ในรายภาค ซึ่งทำให้มีโอกาสที่จะเกิดโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่แห่งใหม่ได้ในภาคใต้ โดย EGCO มีพื้นที่พร้อมรองรับขยายการลงทุนดังกล่าว

ด้านนายสุทธิชัย คุ้มวรชัย ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า การที่ EGCO จะเข้าซื้อหุ้น 49% ในโรงไฟฟ้า Paju ด้วยมูลค่าราว 2.62 หมื่นล้านบาทนั้น แม้อาจจะดูเหมือนแพงเล็กน้อยแต่ก็นับว่าสมเหตุสมผล เมื่อเทียบกับการไม่มีความเสี่ยงจากการก่อสร้างโครงการ เนื่องจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเรียบร้อยแล้ว และหากการซื้อหุ้นแล้วเสร็จตามเป้าหมายในต้นปี 62 ก็จะสามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามาทันที ก็จะทำกำไรเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 9% หรือราว 900 ล้านบาท จากประมาณการกำไรในปี 62 และเพิ่มมูลค่าหุ้นได้อีกราว 14 บาท/หุ้น

ทั้งนี้ ประเมินกำไรปกติของ EGCO ในปี 62 ที่ยังไม่นับรวมส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า Paju จะอยู่ที่ราว 1 หมื่นล้านบาท เติบโตราว 12% จากปีนี้ หลังจะมีโรงไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์ 2 แห่งในปีหน้า ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังน้ำไซยะบุรีในลาว และโรงไฟฟ้าถ่านหินซานบัวนาเวนทูรา ประเทศฟิลิปปินส์ และหากรวมกำไรจากโรงไฟฟ้า Paju เข้ามาก็คาดว่าจะหนุนกำไรปกติของ EGCO ในปี 62 เติบโตราว 22% จากปีนี้

“เรามองดีลนี้เป็นบวกจาก asset ที่ได้เข้ามาทำให้เปิดโอกาสแก่ EGCO ในหลาย ๆ ทางทั้งการเปิดการลงทุนในประเทศใหม่อย่างเกาหลีใต้ ที่ให้การส่งเสริมเรื่องของ renewable และการมีพันธมิตรที่ทำ LNG to Power ซึ่งเป็นอะไรที่กำลังมาในภูมิภาครวมถึงประเทศไทยที่มีแนวโน้มจะใช้ LNG เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า การที่ผู้ขายเลือก EGCO เป็นพันธมิตรเพราะตอบโจทย์ตรงนี้ ที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือในไทยในอนาคตจะมีโรงไฟฟ้าประเภทนี้เกิดขึ้น ก็เป็น win-win ทั้งสองฝ่าย” นายสุทธิชัย กล่าว

นายสุทธิชัย กล่าวอีกว่า EGCO นับว่าเป็นหนึ่งในหุ้นที่ยังมีการเติบโตที่ดีจากโครงการโรงไฟฟ้าที่มีอยู่ในมือ ซึ่งนอกเหนือจากโรงไฟฟ้าใหม่ 2 โครงการที่จะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 62 ก็จะยังมีโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำน้ำเทิน 1 ในลาว ที่จะจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในปี 65 เข้ามา ขณะที่ Valuation ของราคาหุ้นก็นับว่าไม่แพงโดยมีการซื้อขาย P/E ที่ราว 12-13 เท่า และมีอัตราผลตอบแทนจากเงินลงทุน (dividend yield) ราว 3%

ด้านนางสาวนลินรัตน์ กิตติกำพลรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า การเข้าลงทุนโรงไฟฟ้า Paju ครั้งนี้ คาดว่าจะช่วยเพิ่มกำไรให้กับ EGCO ได้ราว 1.3-1.7 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 13-17% ของประมาณการกำไรในปี 62 และเพิ่มมูลค่าหุ้นพื้นฐานให้กับ EGCO ราว 12-15 บาท/หุ้น

ทั้งนี้ การซื้อขายหุ้นโรงไฟฟ้า Paju คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ม.ค.62 ทำให้ยังไม่ได้นำเข้ารวมในประมาณการ ขณะที่ EGCO ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของเม็ดเงินที่จะใช้ลงทุนที่นอกเหนือจากเงินที่ได้จากการขายสินทรัพย์บางส่วนของ EGCO ในช่วงปีนี้แล้ว EGCO ก็จะใช้เงินกู้ยืมอีกส่วนหนึ่งในการเข้าซื้อโรงไฟฟ้าดังกล่าว รวมถึงยังมีหลายปัจจัยที่อาจกระทบกำไรให้มีความผันผวนได้ เช่น ต้นทุนก๊าซฯ และการรับซื้อไฟฟ้าจากส่วนกลางเนื่องจากการซื้อขายไม่ได้มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวเหมือนในไทย

อย่างไรก็ตามการลงทุนครั้งนี้ จะเป็นโอกาสที่จะร่วมธุรกิจกับบริษัท SK E&S ต่อไปในอนาคตสำหรับการทำธุรกิจใหม่อย่าง LNG ในไทย รวมทั้งประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาค

นอกจากนี้ในส่วนการจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าระยะยาว (PDP) ฉบับใหม่ที่ใกล้จะได้ข้อสรุปในเร็ววันนี้ เบื้องต้นคาดการก่อสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ ๆ จะอิงกับความต้องการใช้ไฟฟ้าและปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้ในรายภาค ซึ่งจะทำให้มีโอกาสที่จะเกิดการก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่เพื่อรองรับความต้องการใช้ในภาคที่ปริมาณการผลิตไฟฟ้าไม่เพียงพอ เช่น ภาคใต้ ซึ่ง EGCO มีความพร้อมสำหรับการขยายที่โรงไฟฟ้าขนอม นอกจากนี้ในส่วนภาคกลาง EGCO ก็มีความพร้อมสำหรับสร้างส่วนขยายโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี ซึ่งปัจจุบันการทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ก็ได้ผ่านความเห็นชอบเรียบร้อยแล้ว

ด้านบทวิเคราะห์บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุว่ามีมุมมองที่เป็นบวกกับการที่ EGCO เข้าซื้อหุ้นในโรงไฟฟ้า Paju ซึ่งคาดว่าจะทำให้มูลค่าหุ้น EGCO เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 9-12 บาท/หุ้น และจะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าลงทุนในโครงการใหม่ ๆ ที่เกาหลีใต้ และธุรกิจ LNG นอกจากนี้จะทำให้ EGCO มีกำไรเพิ่มขึ้นจากประมาณการอีกราว 1-1.5 พันล้านบาท ซึ่งหมายถึงกำไรจากธุรกิจหลักของ EGCO ในปี 2562 มีโอกาสจะโตได้ถึง 12.3-17.3%

“แนวโน้มในปี 2562 คาดว่าจะเป็นอีกปีที่ดีของ EGCO ในแง่การเติบโตของกำไรจากธุรกิจหลัก ซึ่งนอกจากการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ของโครงการไซยะบุรี และซานบัวนาเวนทูราแล้ว เรามองว่ายังมี upside อีกจากการลงทุนใหม่ ๆ ซึ่งคาดว่าจะทำให้กำไรโตได้ถึงสองหลัก”

เคจีไอฯ ระบุอีกว่า ราคาหุ้น EGCO ในปัจจุบันยังเหลือ upside อีกมากจากราคาเป้าหมาย ก็ยังมี upside จากการลงทุนในโครงการ  Paju อีก ยิ่งไปกว่านั้น ความเสี่ยงด้านการดำเนินงานที่ต่ำ, ฐานการลงทุนที่แข็งแกร่ง และเงินสดที่มีเต็มมือก็น่าจะช่วยสร้างความยั่งยืนในระยะยาวให้กับกิจการของ EGCO

Back to top button