ด่วน! ก.ล.ต.สั่งปรับ “อมร มีมะโน” พร้อมพวก 40 รายอ่วมเกือบ 2 พันล้าน ฐานปั่น AJD

ด่วน! ก.ล.ต.สั่งปรับ "อมร มีมะโน" พร้อมพวก 40 รายอ่วมเกือบ 2 พันล้าน ฐานปั่น AJD


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 40 ราย กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท คราวน์ เทค แอดวานซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ AJD (ปัจจุบัน คือ บริษัท เอเจ แอดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) (AJA)) โดยเรียกให้ชำระค่าปรับทางแพ่งรวม 1,727,382,571.85 บาท และสั่งห้ามเป็นกรรมการและผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน

ทั้งนี้ เนื่องจาก ก.ล.ต.ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 16 พฤษภาคม 2557 ถึงวันที่ 8 ต.ค. 2557 หุ้น AJD มีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาด โดยราคาปิดเพิ่มสูงขึ้นจากหุ้นละ 2.60 บาท เป็นราคา 15 บาท ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวเกิดจากบุคคล 40 ราย ร่วมกันสร้างราคาหุ้น AJD ได้แก่ (1) นายอมร มีมะโน (2) นายพิภัทร์ ปฏิเวทภิญโญ (3) นางสาวจินดา มีมะโน (4) นางสาวจินตนา มีมะโน (5) นางณษิกา มีมโนนันท์ (6) นางสาวจินตนา แสงพงษ์พิทยา (7) นายโชติอนันต์ แสงพงษ์พิทยา

รวมทั้ง (8) นายยงยุทธ แสงพงษ์พิทยา (9) นางโสภา กุลศิโรรัตน์ (10) นางเจตสุภา ณัฐพฤกษ์ (11) นางสาวณัฐณิชา สันติวราคม (12)  นายวิศาล หล่อทองไพศาล (13) นางภณิดา เตชคุณวุฒิ (14) นายวราพงษ์ ซึงรุ่งโชติ (15) นางเจนจิรา สกุลปิ่นจง (16) นางธนิดา ธัญสุนทราเดช (17) นางนันท์นภัส อัจจมาลย์วรา

พร้อมด้วย (18) นายชาย จันทร์วิกูล (19) นายมานะ สมบูรณ์วิวัฒน์ (20) นางสาวศิริพร สมบูรณ์วิวัฒน์  (21) นางพิมพ์ใจ เพชรภักดีชัย (22) นางสาววิจิตรา เพชรภักดีชัย (23) นายสุชาติ วัฒนศิริชัยกุล (24) Mr. Fu Nan (25) Mr. Dong Zhang (26) นางสาววนิดา วสีพันธ์พงศ์ (27) นางสาวศุรวีร์ วสีพันธ์พงศ์ (28) นางสมใจ วสีพันธ์พงศ์ (29) นายจตุวัฒน์ วสีพันธ์พงศ์ (30) นายเกรียงไกร วสีพันธ์พงศ์ (31) นายสุรเชษฐ วสีพันธ์พงศ์ (32) นางสาวปิโยธร กลกิจชัยวรรณ

รวมทั้ง (33) นางสาวธัญลักษณ์  ดีวงกิจ (34) นางสาวปิยะดา  กลกิจชัยวรรณ (35) นายสุนทร  ดีวงกิจ (36) นายไกรสร  ฉัตรเลขวนิช (37) นายวรวุฒิ  เผ่าประพันธ์ (38) นายวีระ วนาฤทธิกุล (39) นางสาวธวัลรัตน์  ฐิติวัฒน์กมล และ(40) นายธนชาต ศิริภานุเขม

โดย นายอมรและกลุ่มของนายอมรอีก 24 ราย (บุคคลลำดับที่ (3) – (25) และ (40)) และนายพิภัทร์และกลุ่มของนายพิภัทร์อีก 14 ราย (บุคคลลำดับที่ (26) – (39)) ได้รู้เห็นตกลงร่วมกันในการสร้างราคาหุ้น AJD และแบ่งหน้าที่กัน โดยมีพฤติกรรมปิดบังอำพรางเพื่อมิให้ตรวจพบการกระทำความผิด ด้วยการจัดหาและใช้บัญชีหลักทรัพย์ของตนเองและของผู้กระทำความผิดอื่นรวม 37 บัญชี สลับกันเข้าซื้อขายหุ้น AJD ในลักษณะอำพรางให้บุคคลอื่นหลงผิดเกี่ยวกับสภาพการซื้อขายหุ้น AJD และในลักษณะต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลานาน (100 วันทำการ)

ดังนั้นจึงทำให้สภาพการซื้อขายหุ้น AJD ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด เพื่อจูงใจให้บุคคลอื่นเข้าซื้อหรือขายตาม  โดยนายอมรซึ่งเป็นกรรมการและผู้บริหารของ AJD มีการให้ข่าวเชิงบวกเพื่อเพิ่มความน่าสนใจของหุ้น AJD ต่อผู้ลงทุนทั่วไปในช่วงของการสร้างราคา

อีกทั้งมีพฤติกรรมปกปิดแหล่งที่มาที่ไปของเงินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้น AJD โดยแบ่งหน้าที่ให้ผู้กระทำความผิดซึ่งเป็นภรรยา ญาติพี่น้อง และพนักงาน ช่วยเหลือในการจัดการฝากถอนเงินที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายหุ้น AJD ของบัญชีหลักทรัพย์ภายในแต่ละกลุ่ม  นอกจากนี้ นายอมรและนายพิภัทร์ได้ร่วมกันอนุมัติเงินจากบริษัท AJD เพื่อนำไปใช้ในการสร้างราคาหุ้น AJD อีกด้วย

สำหรับการกระทำดังกล่าวข้างต้นของนายอมรและนายพิภัทร์ และบุคคลลำดับที่ (3) – (39) เป็นความผิดตามมาตรา 243(1) ประกอบมาตรา 244 และมาตรา 243(2) ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535  และมาตรา 317/4(1) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

ส่วนการกระทำของบุคคลลำดับที่ (40) นายธนชาต เป็นความผิดตามมาตรา 243(1) ประกอบมาตรา 244 และมาตรา 243(2) ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และมาตรา 317/4(1) แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ประกอบมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

ทั้งนี้คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้ ก.ล.ต. นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 40 ราย โดยกำหนดให้นายอมรและบุคคลลำดับที่ (3) (4) (5) (9) (10) (11) และ (18) ชำระค่าปรับทางแพ่งรายละ 79,425,732.19 บาท  นายพิภัทร์และบุคคลลำดับที่ (26) – (33) ชำระค่าปรับทางแพ่งรายละ 30,602,755.00 บาท

ด้านผู้กระทำความผิดที่เหลือชำระค่าปรับทางแพ่งดังนี้ (6) นางสาวจินตนา 23,548,812 บาท (7) นายโชติอนันต์ 104,329,380 บาท (8) นายยงยุทธ 25,751,463 บาท (12) นายวิศาล 32,379,799.50 บาท (13) นางภณิดา 25,632,267 บาท (14) นายวราพงษ์ 8,542,500 บาท  (15) นางเจนจิรา 10,126,905 บาท (16) นางธนิดา 10,349,305.50 บาท (17) นางนันท์นภัส 58,343,809.50 บาท (19) นายมานะ 5,619,300 บาท

ส่วน (20) นางสาวศิริพร 17,224,125 บาท (21) นางพิมพ์ใจ 5,541,486 บาท (22) นางสาววิจิตรา 8,360,640 บาท (23) นายสุชาติ 14,035,065 บาท (24) Mr. Fu Nan 29,574,052.50 บาท (25) Mr. Dong Zhang 7,367,641.50 บาท (34) นางสาวปิยะดา 21,481,218 บาท (35) นายสุนทร 159,713,980.50 บาท (36) นายไกรสร 15,704,200.50 บาท (37) นายวรวุฒิ 19,999,774.50 บาท (38) นายวีระ 36,286,905 บาท (39) นางสาวธวัลรัตน์ 176,305,956 บาท และ (40) นายธนชาต 333,333.33 บาท

โดยหากผู้กระทำความผิดทั้ง 40 ราย ไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องเป็นคดีต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ชำระเงินค่าปรับทางแพ่งตามอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด

ทั้งนี้ การที่ ค.ม.พ. ใช้มาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิดทั้ง 40 ราย เป็นเหตุให้ผู้กระทำความผิดทั้ง 40 ราย เข้าข่ายเป็นผู้มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตามประกาศคณะกรรมการ ก.ล.ต. ที่ กจ. 3/2560 เรื่อง การกำหนดลักษณะขาดความน่าไว้วางใจของกรรมการและผู้บริหารของบริษัท ลงวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560 ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการต่อไป

โดยกรณีนายอมร นายพิภัทร์ และนางณษิกา ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหาร จะต้องพ้นจากตำแหน่งตั้งแต่วันที่กำหนดในหนังสือที่ ก.ล.ต. จะแจ้งการมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจดังกล่าวในขั้นตอนหลังจากนี้ต่อไป

Back to top button