XO ลั่นรายได้ปีนี้โต15% รุกขยายฐานลูกค้าตปท. ฟากโบรกฯชี้กำไรโตต่อเนื่อง เคาะเป้า 14.60 บ.

XO ลั่นรายได้ปีนี้โต 15% หลังขยายฐานลูกค้าตปท.-ออกสินค้าใหม่-ล็อกราคาวัตถุในราคาต่ำ ฟากโบรกฯชี้กำไรโตต่อเนื่อง เคาะเป้า 14.60 บ.


นายจิตติพร จันทรัช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO เปิดเผยถึง ภาพรวมธุรกิจปี 62 คาดจะเป็นอีกปีที่ดีของบริษัทฯ มีผลประกอบการขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 61 ที่ผ่านมา และเชื่อมั่นว่ารายได้รวมจะเติบโตตามเป้าหมาย 10 – 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นไปตามแผนงานเดิมที่คาดการณ์ไว้ตั้งแต่ปี 61

สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนผลประกอบการให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง มาจากแผนการขยายฐานลูกค้าเพิ่ม โดยยังคงมุ่งเน้นการขยายฐานลูกค้าไปสู่ตลาดต่างประเทศเป็นหลัก จากปัจจุบันบริษัทฯ ส่งออกสินค้าไปจำหน่ายทั่วโลกประมาณ 60 ประเทศ สอดรับกับความต้องการสินค้ากลุ่มอาหารที่ขยายตัวเพิ่มขึ้นทั่วโลก

ขณะเดียวกัน บริษัทฯ มีแผนจะเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 5 -10 รายการ โดยเน้นสินค้าประเภทซอสปรุงรสที่มีความเชี่ยวชาญทั้งด้านการผลิตและความต้องการผู้บริโภค และยังเป็นสินค้าหลักของบริษัทฯ มีอัตรากำไรสูงเมื่อเทียบกับสินค้ากลุ่มอื่น

โดยมองศักยภาพการทำกำไรของบริษัทฯ ในปีนี้ จะแข็งแกร่งต่อเนื่องจากปี 61 ซึ่งเป็นปีที่บริษัทฯ มุ่งเน้นด้านการบริหารต้นทุนวัตถุดิบเป็นอย่างมาก สะท้อนจากอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิที่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปี 60 โดยในปี 62 นี้ บริษัทฯ จะได้รับอานิสงส์จากการทำสัญญาจัดซื้อวัตถุดิบสำคัญ ซึ่งประกอบด้วยน้ำตาลและกระเทียม ในราคาที่ต่ำ ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีศักยภาพในการปรับราคาขายให้สอดคล้องกับราคาตลาดโลก

เรามั่นใจ ยอดขายในปีนี้ XO จะสามารถเติบโตเฉลี่ย 10 – 15% หลังเห็นทิศทางธุรกิจในปี 61 เติบโตได้อย่างสวยงามตามเป้าหมายที่วางไว้ ซึ่งเห็นสัญญาณบวกมาตั้งแต่ผลประกอบการงวด 9 เดือนแรกปี 2561 บริษัทฯ สามารถทำกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดยแผนงานหลักปีนี้จะมุ่งเน้นการขยายตลาดไปยังกลุ่มประเทศที่เป็นลูกค้าเดิมของเรา และประเทศใหม่ๆ โดยจะเดินสายออกงานแสดงสินค้าในปีนี้ประมาณ 15 – 18 งาน และให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการภายใน เพื่อรักษาระดับมาร์จิ้นให้ดีต่อเนื่องในปีนี้ได้” นายจิตติพร กล่าว

ขณะที่ในปี 2561 XO สามารถบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบได้อย่างมีประสิทธิภาพ และจะดีต่อเนื่องในปีนี้ โดยราคากระเทียมที่เริ่มปรับลดลงมาตั้งแต่กลางปีก่อน ในราคากิโลกรัมละ 50 บาท จะสามารถใช้ราคาดังกล่าวไปจนถึงสิ้นปี 62 ราคาน้ำตาลประเภทไซรัป ที่ใช้ในโรงงานใหม่ และราคาน้ำตาลทรายที่ใช้ในโรงงานเดิม  เริ่มใช้เรทราคาต้นทุนใหม่ ที่ปรับลดลงจากปี 61 เรียบร้อยแล้ว

นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ทำการเจรจากับคู่ค้าเพื่อขอทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้า และสามารถล็อกราคาต้นทุนน้ำตาลได้ยาวไปจนถึงกลางปี 2563 และล็อกราคาต้นทุนกระเทียมยาวไปจนถึงปลายปี 2563 ซึ่งเป็นระดับราคาต้นทุนที่ดีมาก

ด้าน บล. คันทรี่ กรุ๊ป ระบุว่า หลังจากที่ XO ได้รับผลดีจากต้นทุนหลักอย่างราคาน้ำตาลที่ปรับตัวลดลงตั้งแต่ต้นปี 2561 ที่ผ่านมา เห็นได้จากผลประกอบการที่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 3/61 ที่มีกำไรสุทธิสูงถึง 68 ล้านบาท (โต 252% เทียบจากปีก่อน และโต 56% ทียบจากไตรมาสก่อน) และรวมแล้วในช่วง 9 เดือนแรกปี 2561 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 157 ล้านบาท  (โต 219% เทียบจากปีก่อน)

ทั้งนี้เป็นผลดีจากต้นทุนที่ลดลงนั้นทาง XO มีการล็อกราคาไว้จนถึงปี 2563 แล้ว แบ่งเป็นล็อกราคาน้ำตาลถึงช่วงครึ่งปีแรกปี 2563 และกระเทียมถึงครึ่งหลังปี 2563 (ต้นทุนทั้งสองส่วนประมาณ 15-20%) ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของ XO ยังคงอยู่ในระดับสูงได้ต่อไปอีกอย่างน้อย 1.5 ปี

โดยจากผลดีของการล็อกต้นทุนไว้ข้างต้นรวมกับการปรับราคาที่มีผลไปตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/61 ที่ผ่านมา (ปรับราคาเฉลี่ยตั้งแต่ 1.5%-6.5%) นอกจากนี้ในปี 19 จะยังมีการออกสินค้าประเภทใหม่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้มีการใช้กำลังการผลิตในโรงงานแห่งใหม่ได้มากขึ้น อันจะทำให้ผลประกอบการยังคงเห็นการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องอีกอย่างน้อย 3 ไตรมาส (จนถึงช่วงครึ่งปีแรกปี 62 ส่วนครึ่งปีหลังปี 2562 เป็นต้นไปการเติบโตอาจจะไม่สูงนักเพราะฐานกำไรที่ค่อนข้างสูงแล้ว) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะในงวดไตรมาส 4/61 ที่คาดว่าจะเห็นการเติบโตได้อย่างมาก (ส่วนหนึ่งจากฐานที่ค่อนข้างต่ำในช่วงไตรมาส 4/60 ที่มีกำไรสุทธิเพียง 10 ล้านบาท )

ด้วยกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกปี 2561 ของ XO ที่สูงถึง 157 ล้านบาท  (โต 219% เทียบจากปีก่อน) ขณะที่แนวโน้มไตรมาส 4/61 ที่คาดว่าผลประกอบการยังจะออกมาอยู่ในระดับสูงได้ต่อเนื่อง (เบื้องต้นมีโอกาสที่ระดับ 60 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาส 3/61)

ดังนั้นจึงคาดกำไรสุทธิในปี 2561 ได้ใหม่ที่ 215 ล้านบาท  ส่วนปี 2562 ด้วยการเปิดตลาดใหม่ ผลดีจากการปรับราคาและต้นทุนที่ลดลงที่จะเข้ามาเต็มปี ทำให้ประเมินกำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้น 15% เทียบจากปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 247 ล้านบาท   สำหรับคำแนะนำการลงทุน ด้วยปัจจัยบวกจากแนวโน้มผลประกอบการที่คาดว่าจะยังเห็นการเติบโตได้ต่อเนื่อง อีกทั้งราคาหุ้นยังมีส่วนต่างกับมูลค่าเหมาะสมที่เราประเมินไว้ที่ 14.60 บาท จึงแนะนำ “ซื้อ”

Back to top button