SIRI โชว์แบ็กล็อกปี61 แตะ 6.4 หมื่นลบ. พร้อมจับมือ”ธ.ออมสิน”เปิดตัวสินเชื่อ”HomeForLife”

SIRI โชว์แบ็กล็อกปี 61 แตะ 6.4 หมื่นลบ. ทยอยรับรู้รายได้ปีนี้ 1.7 หมื่นลบ. พร้อมจับมือ “ธ.ออมสิน” เปิดตัวสินเชื่อ "HomeForLife"


นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยว่า บริษัทมียอดขายรอโอน (backlog) ณ สิ้นปี 61 รวมโครงการร่วมทุนมูลค่าราว 6.4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปี 62 ราว 1.6-1.7 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นโครงการที่พัฒนาเองมูลค่าราว 1.1 ล้านบาท และโครงการร่วมทุนมูลค่าราว 6 พันล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัทมองแนวโน้มภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 62 จะเติบโตในทิศทางที่ดี จากที่ยังมีความต้องการซื้อในตลาดอยู่ ทำให้มองโอกาสที่จะเปิดโครงการในเมืองรองเพิ่มขึ้น ขณะที่ตามปกติช่วงไตรมาสที่ 1/62 ยอดโอนของบริษัทจะชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์เดือนก.พ.-มี.ค.ด้วย นอกจากนี้ในช่วงเวลาก่อนการบังคับใช้มาตรการควบคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) ของธนาคารแห่งประเทศไทยในเดือนเม.ย.62 ประกอบกับการจัดแคมเปญการตลาด ก็คาดว่าจะทำให้ยอดขายในไตรมาสที่ 1/62 ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน

อีกทั้งบริษัทมีโครงการพร้อมโอน (สต็อก) มูลค่ารวมราว 1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการที่พัฒนาเองมูลค่าราว 6 พันล้านบาท (ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว 3.2 พันล้านบาท, ทาวน์เฮาส์ 400-500 ล้านบาท) และเป็นโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการร่วมทุนราว 4 พันล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทจะมีการแถลงแผนการดำเนินงานปี 62 อย่างชัดเจนในวันที่ 7 ก.พ. 62

ขณะที่ในวันนี้ SIRI ได้ร่วมกับธนาคารออมสินในการพัฒนาผลิตภัณฑ์สินเชื่อ “HomeForLife” ซึ่งนับเป็นนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ที่มีจุดเด่นจากการผสมผสานระหว่างสินเชื่อเพื่อซื้อที่อยู่อาศัยในรูปแบบปกติ และ Reverse Mortgage ที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินในทุกช่วงชีวิตโดยภายหลังอายุ 60 ปีลูกค้าสามารถนำที่อยู่อาศัยที่มีกรรมสิทธิ์และปลอดภาระหนี้วางเป็นหลักประกันกับธนาคารออมสินเพื่อเปลี่ยนเป็นรายได้ โดยเลือกรับเป็นรายเดือนหรือก้อนใหญ่ โดยผู้กู้ยังคงมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยนั้นตลอดช่วงชีวิต ซึ่งเป็นการวางแผนชีวิตเพื่ออนาคตระยะยาวและสร้างความมั่นคงทางการเงินได้อย่างลงตัว

ทั้วงนี้บริษัทเชื่อมั่นว่าจุดเด่นของสินเชื่อ “HomeForLife” จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าเซกเมนต์ผู้ซื้อที่อยู่อาศัยในระดับราคาตั้งแต่ 1-20 ล้านบาท ทำให้ลูกค้าในทุกช่วงวัยสามารถตัดสินใจซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น ด้วยภาระการผ่อนชำระที่สบายกว่าเดิม ทั้งยังสามารถใช้เป็นแหล่งสร้างรายได้ไปได้ตลอดชีวิต ตั้งเป้าลูกค้าแสนสิริใช้บริการสินเชื่อจากธนาคารออมสินมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 50% ภายในระยะเวลาหนึ่งปีจากการเปิดตัวสินเชื่อนี้

นอกจากนี้ยังเชื่อว่าจากปัจจัยสนับสนุนของการเปิดตัวสินเชื่อ “HomeForLife” ในช่วงนี้ จะช่วยสนับสนุนการขายในแคมเปญ “โปรหมดเปลือก” ซึ่งนำเสนอโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียมและทาวน์เฮาส์ พร้อมอยู่กว่า 30 โครงการทั่วประเทศ มอบข้อเสนอสุดพิเศษครอบคลุมโครงการที่อยู่อาศัยทุกเซกเมนต์ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 15 มีนาคม 2562 โดยยังได้เตรียมจัดงานขายภายใต้แคมเปญ “โปรหมดเปลือก” สำหรับลูกค้าที่ต้องการที่อยู่อาศัยใหม่ ในวันที่ 8 -10 กุมภาพันธ์ 2562 นี้

ด้าน นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการ ธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า สินเชื่อ “HomeForLife” นับเป็นนวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่ที่เกิดขึ้นจากการร่วมมือกันครั้งแรกระหว่างผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และสถาบันการเงินที่เข้าใจความต้องการของผู้บริโภคที่ฉลาดวางแผนทางการเงิน

โดยปกติเงื่อนไขของสินเชื่อแบบ Reverse Mortgage จะปล่อยกู้ให้กับผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งจะนำที่อยู่อาศัยที่ตนมีกรรมสิทธิ์ และปลอดภาระหนี้มาเปลี่ยนเป็นรายได้ในการดำรงชีพทั้งแบบเงินก้อนและรายเดือนแต่สำหรับแพคเกจสินเชื่อ “HomeForLife” นับเป็นการสร้างจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญให้กับการตัดสินใจกู้เงินเพื่อซื้อที่พักอาศัยของคนไทยให้ล้ำหน้าขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการนำ Reverse Mortgage มาผสมผสานกับสินเชื่อเพื่อการซื้อที่อยู่อาศัยในรูปแบบปกติ

สำหรับการซื้อที่อยู่อาศัยในโครงการของแสนสิริ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียมด้วยอัตราการผ่อนชำระที่ต่ำกว่าปกติ เมื่อผู้กู้มีอายุครบ 60 ปี และที่อยู่อาศัยนั้นปลอดภาระหนี้แล้ว ธนาคารออมสินจะประเมินมูลค่าที่อยู่อาศัยจริง ณ ขณะนั้น เพื่อกำหนดวงเงินสินเชื่อแบบย้อนกลับ โดยผู้กู้สามารถเลือกรับเป็นเงินก้อนหรือเงินงวดรายเดือน  และหากผู้กู้อายุครบ 60 แล้วแต่สถานะที่อยู่อาศัยยังไม่ปลอดภาระหนี้ยังสามารถขอเบิกเงินสินเชื่อแบบ  Reverse Mortgage งวดแรกในอัตรา 10% เพื่อนำมาโปะปิดภาระหนี้ของที่อยู่อาศัยที่ยังเหลืออยู่ได้อีกด้วย

โดยสินเชื่อ “HomeForLife” เหมาะสำหรับลูกค้าทุกวัยด้วยระยะผ่อนชำระที่นาน ทำให้ผู้กู้สามารถรับรายได้จากเงินกู้นานสูงสุดจนถึงอายุ 85 ปี (โดยกำหนดระยะเวลาของการกู้เพื่อซื้อที่อยู่อาศัยตามปกติสูงสุดถึง 30 ปี และกำหนดระยะเวลาของการกู้แบบย้อนกลับแบบ Reverse Mortgage สูงสุดถึง 25 ปี) เมื่อครบกำหนดสัญญาแล้วหากผู้กู้ยังมีชีวิตอยู่ ธนาคารจะหยุดจ่ายเงินกู้ โดยผู้กู้ยังคงมีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยนั้นตลอดชีวิต หรือทำเรื่องกู้เพิ่มเติม หากผู้กู้เสียชีวิต ทายาทของผู้กู้สามารถไถ่ถอนที่อยู่อาศัยนั้นได้ ภายใต้เงื่อนไขการเจรจากับธนาคาร

สำหรับประโยชน์ที่ชัดเจนสำหรับผู้กู้คือ สามารถเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยของตัวเองได้ง่ายขึ้น พร้อม ๆ ไปกับการสร้างความมั่นคงในทุกช่วงวัยของชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบและไร้กังวล ด้วยอัตราการผ่อนชำระที่ต่ำกว่าปกติ ผ่อนสบายขึ้น ลดภาระในช่วงวัยทำงานและช่วงชีวิตที่กำลังสร้างครอบครัว ทำให้ผู้กู้สามารถมีวงเงินกู้ที่มากขึ้น สามารถเลือกขยายงบประมาณได้ตรงกับความต้องการในการซื้อที่อยู่อาศัยได้มากขึ้น

อีกทั้งยังมีความยืดหยุ่นเปิดโอกาสให้ผู้กู้หรือทายาทไถ่ถอนที่อยู่อาศัยนั้นได้ในทุก ๆ ช่วงสัญญา ขณะเดียวกันก็เป็นการเตรียมตัวสร้างความมั่นคงทางการเงินหลังเกษียณ ด้วยรายได้ที่จะช่วยเติมเต็มการใช้ชีวิตและเป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจนถึงอายุ 85 ปี ซึ่งเป็นการเสริมสร้างหลักประกันให้ชีวิตแก่ประชาชน และบรรเทาภาระงบประมาณภาครัฐด้านสวัสดิการชราภาพ

โดยธนาคารออมสินคาดว่านวัตกรรมทางการเงินรูปแบบใหม่นี้จะกลายเป็นทางเลือกใหม่และเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ผู้บริโภควัยทำงานในยุคปัจจุบันวางแผนทางการเพื่ออนาคตในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ ในขณะที่ธนาคารเองก็สามารถตัดสินใจปล่อยกู้ได้ง่ายขึ้นด้วยหลักประกันที่มั่นคง และสร้างโอกาสให้ธนาคารสามารถนำสินเชื่อแบบ Reverse Mortgage และสินเชื่อต่าง ๆ ของธนาคารเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้น

Back to top button