เจาะกลยุทธ์ลงทุนเคาะ 10 หุ้นปันผลเด่น รับการเมืองชัดเจน หนุน Fund Flow ไหลกลับ

เจาะกลยุทธ์ลงทุนเคาะ 10 หุ้นปันผลเด่น รับการเมืองชัดเจน หนุน Fund Flow ไหลกลับ


ภายหลังจาก กกต. ได้เคาะวันเลือกตั้งชดเจนในวันที่ 24 มี.ค. 2562 ชัดเจน แน่นอนตลาดหุ้นไทยได้ตอบรับปัจจัยดังกล่าวชัดเจนโดยเห็นได้จากดัชนีกลับมายืนเหนือระดับ 1600 จุดอย่างแข็งแกร่ง ขณะเดียวกันปัจจัยดังกล่าวช่วยหนุนให้ Fund Flow ไหลเข้ามาในตลาดหุ้นไทยอีกครั้ง

โดยกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง,ธนาคารพาณิชย์,ค้าปลีก,สื่อ-สิ่งพิมพ์,นิคมอุตสาหกรรมถือว่าได้ประโยชน์จากการเมืองชัดเจน ขณะเดียวกันหุ้นปันผลเด่นก็เป็นอีกกลุ่มที่น่าสะสมก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD 1-2 เดือน

ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมกลุ่มหุ้นปันผลเด่นและน่าเก็บสะสมก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD ใน 1-2 เดือนข้างหน้ามานำเสนอ โดยครั้งนี้อาศัยบทวิเคราะห์จากบล.เอเซีย พลัส และบล.เอเอสแอล  มาประกอบการตัดสินใจเข้าลงทุนดังนี้

บล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า เลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562 น่าจะช่วยดึง Fund Flow ไหลกลับตลาดหุ้นไทย:ทันทีที่พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 ถูกประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 ม.ค. 2562 กกต. ก็ได้มีการจัดการประชุมเร่งด่วนและลงมติให้จัดการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 24 มีนาคม 2562

จุดเริ่มต้นที่เป็นรูปธรรม และกำหนดการที่ชัดเจนของการเลือกตั้ง เชื่อว่าน่าจะเป็นผลดีต่อ SET Index โดยคาดหวังว่าจะเห็นการไหลกลับเข้ามาอย่างค่อยเป็นค่อยไปของ Fund Flow ต่างชาติ ซึ่งในช่วงราว 6 ปีที่ผ่านมาได้ลดน้ำหนักการถือหุ้นในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง

โดยตลาดหุ้นไทยในปี 2561 Fund Flow ไหลออกจากตลาดหุ้นไทยเฉลี่ยเดือนละ 2.4 หมื่นล้านบาท แต่ภาพรวมตั้งแต่ต้นปี 2562 Fund Flow เริ่มไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นไทยบวกกับประเด็นการเลือกตั้งน่าจะช่วยหนุนให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีในช่วงแรกของปี เหมือนกับสถิติในอดีตย้อนหลัง 5 ปี พบว่า ในช่วง 4 เดือนแรกของปี SET TRI (ดัชนี SET ที่มีการบวกเงินปันผลจ่ายกลับเข้ามา) ปรับตัวเพิ่มขึ้นทุกเดือน เฉลี่ยตลอดทั้ง 4 เดือนอยู่ที่ 6.34%

อย่างไรก็ตาม SETHD TRI (ดัชนีหุ้นปันผลสูงที่มีการบวกเงินปันผลจ่ายกลับเข้ามา) กลับปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ดีกว่า และให้ผลตอบแทนสูงถึง 9.9% เนื่องจากนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศเข้ามาลงทุนในช่วง 1 – 2 เดือนก่อนเพื่อรอรับปันผล

จากนั้นฝ่ายวิจัยฯทำการวิเคราะห์เชิงปริมาณเพื่อค้นหาช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการลงทุนหุ้นปันผลเด่น โดยทำการทดสอบโมเดลย้อนหลัง 5 ปี (Backtesting) หาผลตอบแทนเฉลี่ยของหุ้นใน SETHD ทั้งหมด ได้ข้อสรุปว่า แนะนำซื้อหุ้นปันผลก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD ราว 2 เดือน และขายทำกำไรในวันขึ้นเครื่องหมาย XD ได้ผลตอบแทนรวมสูงถึง 3.96%( Dividend Yield + Capital Gain) และมีโอกาสให้ผลตอบแทนเป็นบวก 86.7%

โดยฝ่ายวิจัยฯทำการคัดกรองหุ้นปันผลเด่นโดยมีเงื่อนไขดังนี้ เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในช่วง 2 เดือนก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD สูงกว่าค่าเฉลี่ยของหุ้นทั้งหมดใน SETHD (มากกว่า3.96%) เป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสม่ำเสมอติดต่อกัน 5 ปี และสุดท้ายเป็นหุ้นที่ฝ่ายวิจัยฯแนะนำ “ซื้อ” และเหมาะสมกับการลงทุนในปี 2562 ได้ผลลัพธ์ออกมา 10 บริษัท แบ่งออกเป็นกลุ่มหลักๆ 2 กลุ่ม คือ

หุ้นปันผลเด่นขนาดใหญ่และมีสภาพคล่องสูง ซึ่งมีโอกาสได้แรงหนุนจาก Fund Flow ที่ไหลเข้า 7 บริษัท คือ PTT, PTTEP, GLOW, ADVANC, INTUCH, SCC และ BANPU โดยหุ้นทั้ง 7 บริษัท อยู่ในดัชนี SET50 ทั้งหมด เป็นการการันตีว่าเป็นหุ้นที่มีขนาดใหญ่สภาพคล่องสูงจริง และยังเป็นหุ้นที่สามารถคาดหวังปันผลได้เกินกว่า 3.5% อีกทั้งหากวิเคราะห์จากแรงซื้อขายผ่าน NVDR ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน (วันที่ 1 ม.ค. – 22 ม.ค. 62) พบว่า มีสถานะเป็น “Net Buy” หรือ ซื้อสุทธิทุกบริษัท แสดงให้เห็นว่าต่างชาติเริ่มทยอยเข้ามาสะสมหุ้นดังกล่าว ช่วยหนุนให้ราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นอีกแรง

หุ้นปันผลเด่นสามารถคาดหวัง Dividend Yield ได้สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตมาก 3 บริษัท คือ SAT, MAJOR และ QHดยหุ้นทั้ง 3 บริษัท สามารถคาดหวัง Dividend Yield 62F ได้สูงถึง 6.4%, 5.5% และ 8.0% ต่อปี ตามลำดับ นอกจากนี้ยังเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ แม้ล่าสุดราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาจนทำให้มี Dividend Yield สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตย้อนหลัง 5 ปีมาก อย่างไรก็ตามในปี 2562 เชื่อว่ายังเติบโตได้ดี สะท้อนจาก EPS Growth 62F เป็นบวกทุกบริษัท ราคาหุ้นที่ย่อตัวลงมาถือเป็นโอกาสดีในการเข้าสะสม

 

บล.เอเอสแอล ระบุในบทวิเคราะห์ว่ ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวขึ้นผ่านยืน 1,600/1,610 ขึ้นมาจากปัจจัยบวกเรื่อง พ.ร.ฏ.การเลือกตั้งทั่วไป โดยกำหนดวันเลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562 ผลักดันดัชนีพุ่งสวนตลาดหุ้นต่างประเทศ ด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น สะท้อนถึงแรงซื้อหุ้นกลับคืนในทุกกลุ่มหลักทรัพย์

โดยเฉพาะนักลงทุนสถาบันที่ซื้อสุทธิ 6.38 พันล้านบาท ระยะสั้นความมั่นใจในการถือครองหุ้นระยะกลางและระยะยาวชัดเจนขึ้นหุ้น P/E ที่ต่ำ และมีเงินปันผลจ่ายเป็นเป้าหมายของการเข้าซื้อ เช่น กลุ่มสื่อสาร กลุ่มก่อสร้าง เป็นต้น

ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button