TPCH บวกต่อ 6% นิวไฮรอบ 1 ปี โบรกฯมองปี 63 ผลงานโตเด่น วางเป้า 16.60 บ.

TPCH บวกต่อ 6% นิวไฮรอบ 1 ปี โบรกฯมองปี 63 ผลงานโตเด่น วางเป้า 16.60 บ. ล่าสุดอยู่ที่ 11.80 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 6.31% มูลค่าซื้อขาย 64.99 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรานงานว่า ราคาหุ้น บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH ล่าสุด ณ เวลา 11.43 น. อยู่ที่ 11.80 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 6.31% สูงสุดที่ 11.90 ต่ำสุดที่ 11.20 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 64.99 ล้านบาท ทั้งนี้ ราคาหุ้น TPCH ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 1 ปี นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 12.20 บาท เมื่อวันที่ 27 มี.ค.2561 และยังปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง 3 วันติด นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 10.60 บาท เมื่อวันที่ 12 มิ.ย.2562

ด้าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น TPCH ราคาเป้าหมาย 16.60 บาท/หุ้น เนื่องจากไตรมาส 4/62 จะเป็นจุดเริ่มต้นของกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมที่จะขยายตัว 37% ต่อปี ระหว่าง 2 ปีนี้ ซึ่งจะดันให้กำไรสุทธิปี 2563 ขยายตัวแรง 144% เมื่อเทียบจากปีก่อน หากโรงไฟฟ้า PTG และ TPCH1-2-5 ไม่ล่าช้ากว่าแผน

โดยล่าสุด บริษัทมีความเชื่อมั่นอย่างมาก ขณะที่โรงไฟฟ้าขยะ SP คาดจะสร้างโมเมนตัมต่อราคาหุ้นในระยะสั้น จากกำหนดลงนาม PPA ในเดือน ก.ค. นี้อีกด้วย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) นำประมาณการโรงไฟฟ้าใหม่ทั้ง 5 ใส่ในประมาณการ และ roll-over มูลค่าโรงไฟฟ้าที่จ่ายไฟแล้วปัจจุบัน ได้ราคาเหมาะสมปี 2563 ที่ 16.60 บาท/ หุ้น (อิง SOTP) ปรับลงเล็กน้อย 7% จากข้อมูลโครงสร้างสัมปทานจริงที่ได้รับ ซึ่งยังเหลือ upside 49% ให้ค้นหา ปัจจุบัน TPCH เป็นหุ้นโรงไฟฟ้าที่ซื้อขายบน PE ปี 2562 ที่ 12.3 เท่า และเพียง PE ปี 2563 ที่ 5.0 เท่า เท่านั้น ขณะที่โรงไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตใหม่ๆ ซื้อขายระดับสูงกว่า 30-60 เท่า

ทั้งนี้โรงไฟฟ้าชุดแรก 18.4MW จะจ่ายไฟในไตรมาส 4/62 ทำให้กำไรไตรมาส 2-3 จะยังคงภาพทรงตัวเมื่อเทียบจากปีก่อน แต่จะเริ่มแสดงการขยายตัวแรงตั้งแต่ไตรมาส 1/62 เป็นต้นไป โดยครั้งนี้ได้รวมประมาณการรายได้ของโรงไฟฟ้าทั้ง 5 เข้าไปในประมาณการหลัก ซึ่งหากเป็นไปตามแผน งวดปี 2563 คาดกำไรจะเติบโต 144% เมื่อเทียบจากปีก่อน แตะ 888 ล้านบาท และเติบโต 31% เมื่อเทียบจากปีก่อนในปีถัดไป

ส่วนในอีก 24 เดือนข้างหน้านี้ ด้วยแผนการจ่ายไฟฟ้ายืนยันโดยผู้บริหารในงานแถลงผลประกอบการ เราพบว่า กำลังการผลิตไฟฟ้ารวมจะเร่งตัวขึ้นเฉลี่ย 37% ต่อปี จากปัจจุบัน 52.8MW(ตามสัญญา) สู่ 71.2MW ในปี 2562 จากนั้น 98.5MW ในปี 2563 และ 108.5MW ในปี 2564 ซึ่งทั้งหมด ถูกรองรับด้วยใบอนุญาต (1) โรงไฟฟ้าชีวะมวลระบบ FiT จังหวัดชายแดนภาคใต้ 3 แห่งรวม 24.7MW (บริษัทชนะประมูลปี 2559)

รวมทั้ง (2) โรงไฟฟ้าชีวะมวลระบบ Adder โรงใหญ่ 1 แห่ง 21MW จ.ปัตตานี ได้สัญญา PPA ปี 2560 และ (3) โรงไฟฟ้าขยะ 8MW จ.นนทบุรี จะลงนามสัญญา 17 ก.ค. นี้ โดยความพิเศษของโรงไฟฟ้าชุดนี้คือ ราคาขายไฟฟ้าได้การสนับสนุนพิเศษจากรัฐบาล จากการตั้งอยู่จังหวัดชายแดน และ เป็นโรงไฟฟ้าขยะโครงการเร่งด่วนของรัฐ (Quick win) โดยราคาขายไฟฟ้า 3.4-5.7 บาท/ หน่วย จะต่ำกว่าราคาขายเฉลี่ยปัจจุบัน (4.5 บาท/ หน่วย) 3 แห่ง (24.7MW) อีก 2 แห่ง (29MW) ขายได้แพงกว่า

Back to top button