ครม.เคาะวันนี้! แพคเก็จกระตุ้นเศรษฐกิจ  3 แสนลบ. คาดดัน GDP ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 3%

ครม.เคาะวันนี้! แพคเก็จกระตุ้นเศรษฐกิจ  3 แสนลบ. คาดดัน GDP ปีนี้โตไม่ต่ำกว่า 3%


รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้(20ส.ค.62) มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ทางกระทรวงการคลังจะเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 3.16 แสนล้านบาท ซึ่งผ่านการพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) มาแล้วเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.55% เพื่อรักษาระดับอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศทั้งปีไม่ให้ต่ำกว่า 3%

สำหรับมาตรการที่ผ่านการพิจารณาของ ครม.เศรษฐกิจ แบ่งเป็น 3 ด้าน คือ

1.มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง โดยจัดสินเชื่อฉุกเฉิน 50,000 บาท/คน ปลอดดอกเบี้ยปีแรก ปีต่อปี MRR  7%, สินเชื่อฟื้นฟูความเสียหายจากภัยแล้ง 500,000 บาท/คน ดอกเบี้ย MRR -2%, ขยายระยะเวลาชำระหนี้เงินกู้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และ สนับสนุนต้นทุนการผลิตข้าวปีการผลิต 62/63 ที่ 500-800 บาท/ไร่ ไม่เกิน 20 ไร่

2.มาตรการกระตุ้นการลงทุนและการบริโภคในประเทศ โดยสนับสนุนท่องเที่ยว “ชิม ช๊อป ใช้” ข้ามจังหวัด โดยให้ลงทะเบียนผ่านแอพพลิเคชันของธนาคารกรุงไทย วางเป้าหมาย 10 ล้านคน ประชาชนอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินสำหรับท่องเที่ยวผ่านอีวอลเลท 1,000 บาท/คน และมาตรการสนับสนุนค่าใช้จ่ายซื้อสินค้าท้องถิ่น รับประทานอาหาร พักโรงแรม ต่าง ๆ รวมกันไม่เกิน 3 หมื่นบาท จะได้รับเงินคืน 15% เป็นต้น มาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวจากต่างประเทศไทย ยกเว้นการตรวจลงตราวีซ่านักท่องเที่ยวจีนและอินเดีย

มาตรการภาษีเพื่อส่งเสริมการลงทุนในประเทศ ให้หักค่าใช้จ่ายการซื้อเครื่องจักรจากการลงทุนหักภาษี 1.5 เท่า ภายใน 5 ปี และให้สินเชื่อผ่อนปรนกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ระยะเวลากู้ 7 ปี ขณะเดียวกัน สถาบันการเงินรัฐ ให้เร่งปล่อยสินเชื่อให้เอสเอ็มอี ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน รวม 1 แสนล้านบาท และ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ปล่อยสินเชื่อบ้าน 52,000 ล้านบาท และให้ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ลดค่าธรรมเนียมค้ำประกันสินเชื่อให้เอสเอ็มอีในช่วง 2 ปีแรก

3.มาตรการดูแลค่าครองชีพผ่านกลไกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในช่วง 2 เดือน (ส.ค.-ก.ย.) เพิ่มเงินผู้ถือบัตรเป็น 500 บาท/คน/เดือน, เพิ่มเงินผู้สูงอายุอีก 500 บาท/คน/เดือน และให้เงินดูแลเด็กแรกเกิดเพิ่ม 300 บาท/คน/เดือน

และพักชำระหนี้เงินต้นของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (กทบ.) ที่จ่ายคืนผ่าน ธ.ก.ส.และออมสิน 1 ปี (ต.ค. 62-ก.ย. 63) เพื่อให้ กทบ.มีงบประมาณปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น ซึ่ง กทบ. 50,732 แห่งมียอดหนี้คงค้างที่กู้จาก ธ.ก.ส.และออมสิน 67,000 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีวาระการประชุมอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เสนอร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง พ.ศ.2562, กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เสนอขอความเห็นชอบการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตชอลนักเรียนอายุไม่เกิน 18ปี ชิงชนะเลิศแห่งเอเชียครั้งที่ 1 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ณ กรุงเทพมหานคร ในปี 2562

กระทรวงแรงงาน เสนอแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของแรงงานต่างด้าวปี 2562-2563, กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เสนอขออนุมัติงบประมาณงินอุดหนุนให้แก่เกษตกรเข้าร่วมโครงการส่งเสริมการผลิตข้าวอินทรีย์ปี 2561 พร้อมกันนี้จะมีการพิจารณาแต่งตั้งข้าราชการการเมืองเพิ่มเติม เช่น น.ส.รัชดา ธนาดิเรก และ น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล ให้ดำรงตำแหน่งรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศก่อนการประชุม ครม.วันนี้ นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะผู้บริหาร เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อนำเสนอความเป็นมาเกี่ยวกับพะยูนมาเรียม และแผนการอนุรักษ์พะยูนแห่งชาติ รวมถึงความห่วงใยสัตว์ทะเลหายาก พร้อมนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการนำผ้าที่เหลือใช้จากโรงงานอุตสาหกรรมต่างๆ ในประเทศไทย มาสร้างให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รู้สึกสงสารมาเรียม และเสียดายที่ไม่ได้เดินทางไปเยี่ยมมาเรียมเมื่อครั้งเดินทางลงพื้นที่ภาคใต้ เพราะขณะนั้นมาเรียมถูกย้ายไปดูแลในที่ที่ปลอดภัย แต่ล่าสุดมาเรียมต้องตาย ซึ่งจากการผ่าพิสูจน์พบเศษพลาสติกในท้อง ดังนั้นทุกคนต้องตระหนักถึงปัญหานี้ ซึ่งสิ่งที่ทุกคนรับรู้ได้ง่ายที่สุดรือ อะไรที่มนุษย์กินไม่ได้ สัตว์ก็กินไม่ได้เช่นกัน และพลาสติกเป็นปัญหาสำคัญเพราะใช้เวลาย่อยสลายนานหลายร้อยปี โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเรื่องนี้ มีการตั้งเป้าลดปริมาณขยะ แต่ทุกอย่างต้องมาจากความร่วมมือของทุกคนด้วย พร้อมกำชับว่าในอนาคตต้องไม่มีพะยูนตายเพิ่มอีก

นอกจากนี้ นายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำคณะเข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อประชาสัมพันธ์ศูนย์ช่วยเหลือสังคมกระทรวง พม. สายด่วน 1300 บริการ 24 ชั่วโมง ซึ่งจะเป็นศูนย์กลางในการให้คำแนะนำปรึกษา รับเรื่องราวร้องทุกข์แก่ประชาชนผู้ประสบปัญหาสังคม โดยมีเจ้าหน้าที่และนักสังคมสงเคราะห์วิชาชีพปฏิบัติงาน พร้อมให้คำแนะนำปรึกษา และมีหน่วยเคลื่อนที่เร็ว ลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาสังคมในภาวะวิกฤต

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า สิ่งดีๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา ส่วนสิ่งไม่ดีก็ต้องแก้ไขกันไป ซึ่งทุกคนต้องมีส่วนร่วมกันรับผิดชอบ เพื่อให้สังคมดีขึ้น ยืนยันว่ารัฐบาลจะต้องดูแลประชาชนทุกกลุ่ม แต่ปัญหาสังคมวันนี้มีมาก ดังนั้นต้องช่วยกันแก้ปัญหา หากประชาชนช่วยกันก่อนแล้วรัฐบาลเข้าไปสนับสนุน ก็จะทำให้แก้ปัญหาได้มาก

พร้อมกันนี้ ขอให้สื่อมวลชนช่วยกันนำเสนอสิ่งดีๆ หากมองแต่เรื่องการเมือง ก็จะเป็นปัญหาไปหมด พร้อมฝากกระทรวงให้มองหาแนวทางส่งเสริมให้คนทำความดี เช่น การหารางวัลเพื่อเป็นแรงจูงใจให้คนทำความดี เป็นต้น

Back to top button