ดักเก็บ TKN โบรกฯมองผลงานครึ่งปีหลังสดใสรับไฮซีซั่น-ต้นทุนลดหนุนกำไรทั้งปีแตะ 457 ลบ.

ดักเก็บ TKN โบรกฯมองผลงานครึ่งปีหลังสดใสรับไฮซีซั่น-ต้นทุนลดหนุนกำไรทั้งปีแตะ 457 ลบ.


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลและบทวิเคราะห์ หลังมีโบรกเกอร์หลายแห่งกำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” หุ้น บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN หลังมองแนวโน้มยอดขายครึ่งหลังปี 62 เติบโตดีขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วง High season ของธุรกิจ

ประกอบกับความร่วมมือทางธุรกิจกับพันธมิตร “Pan Orion” ในเครือ Orion Group ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายขนมขบเคี้ยวระดับโลก จากประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งจะเข้ามาช่วยเพิ่มยอดขาย ส่วนยอดขายในสหรัฐอเมริกาจาก Costco คาดเริ่มรับรู้ได้ช่วงครึ่งหลังของปี

สำหรับแนวโน้มกำไรสุทธิครึ่งปีหลังคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก โดยได้รับประโยชน์จากต้นทุนสาหร่ายที่ลดลง 10% รับรู้เต็มไตรมาสที่ 3/62 ประกอบกับ TKN มีการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น และได้แรงหนุนจากยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ

 

นักวิเคราะห์ฯบล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า คงประมาณการกำไรสุทธิของ TKN ปี 62 ที่ 457 ล้านบาท ทรงตัวจากปีที่แล้ว แม้ผลประกอบการครึ่งแรกของปีนี้ทำกำไรได้เพียง 180 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 39% ของประมาณการกำไรทั้งปี แต่ผลประกอบการในครึ่งหลังของปีนี้จะดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรก หลังอัตรากำไรขั้นต้นและอัตรากำไรสุทธิจะปรับตัวดีขึ้น จากต้นทุนสาหร่ายที่ลดลง ซึ่งรับรู้เต็มไตรมาส 3/62 ขณะที่ยอดขายปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 3/62 เนื่องจากเป็นช่วง High season ของธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ

พร้อมทั้งเห็นสัญญาณนักท่องเที่ยวจีนกลับมาดีขึ้น โดยยอดขายจากจีนคิดเป็นสัดส่วนราว 15-20% ของยอดขาย ส่วนในประเทศเชื่อว่าจะกลับมาเติบโตจากการบริโภคในประเทศฟื้นตัว

ขณะเดียวกัน TKN ได้ร่วมมือกับพันธมิตร Pan Orion เข้ามาช่วยทำตลาดในจีนและเกาหลีใต้ทำให้ช่วยเข้ามาส่งเสริมยอดขายให้เป็นบวกได้จากการเพิ่ม supplier ที่ถือว่ามีความชำนาญธุรกิจขนมขบเคี้ยว ส่วนยอดขายในสหรัฐอเมริกาคาดว่าจะเริ่มเห็นรายได้จาก Costco ในช่วงครึ่งหลังของปี

อย่างไรก็ดียังคงนำแนะนำ”ซื้อ”หุ้น TKN ราคาเป้าหมายปี 63 ที่ 12.40 บาท อิงค่า P/E ที่ระดับ 25.2 เท่า ซึ่งปัจจุบันมองว่าราคาปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับภาพรวมผลประกอบการในไตรมาสที่ 3/62 จะกลับมาดี

พร้อมกันนี้ประเมินกำไรสุทธิของ TKN ในครึ่งหลังปีนี้จะขยายตัวโดดเด่นอยู่ที่ 81% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากฐานที่ต่ำ โดยประมาณการกำไรสุทธิปีนี้มีสมมติฐานจากรายได้ตลาดในประเทศอยู่ที่ 2.38 พันล้านบาท ขยายตัว 7.3% จากปีก่อน ส่วนรายได้ต่างประเทศอยู่ที่ 3.51 พันล้านบาท ขยายตัว 2.1% จากปีก่อน ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะขยายตัวเป็น 31.3% จาก 30.5% ในปี 61 และคาดว่าจะได้รับออร์เดอร์จากตลาดสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 1 ล้านเหรียญสหรัฐต่อเดือนตั้งแต่ไตรมาส 3/62

ขณะที่บทวิเคราะห์บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุไปในทิศทางเดียวกันว่า แนวโน้มยอดขายและอัตรากำไรสุทธิช่วงครึ่งหลังของปี 62  อยู่ในภาวะฟื้นตัว ได้ประโยชน์จาก Economies of Scales และราคาวัตถุดิบสาหร่ายปรับตัวลดลง 10% จากช่วงครึ่งปีแรก อีกทั้งอยู่ในช่วงฤดูกาลที่เสริมต่อธุรกิจ ประกอบกับมีการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจใหม่ Pan Orion ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ Orion Group ในประเทศเกาหลีใต้ ผู้นำด้านขนมขบเคี้ยวและเบเกอร์รี่ หวังเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายต่างประเทศ ซึ่งจะมีการประกาศรายละเอียดแผนความร่วมมืออีกครั้งในเดือนก.ย.62

ขณะเดียวกัน TKN รุกเข้าสู่ตลาดสหรัฐอเมริกาเจาะตลาดด้วยช่องทางการจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิผล ถือว่าได้เริ่มแล้วอย่างจริงจัง มีการจำหน่ายสินค้าให้กับ Costco ซึ่งเป็นเชนขายปลีกใหญ่เป็นอันดับ 2 ของสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดสหรัฐฯถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพ ขนาดตลาดสแน็คราว 300 ล้านเหรียญสหรัฐ และ TKN ตั้งเป้าว่ายอดขายปี 67 จะไปถึง 2 พันล้านบาท

ด้าน บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จาก “ขาย” สำหรับ TKN พร้อมกับปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 13 บาทจาก 8.60 บาท หลังจากได้ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 63-64 และเป้าหมาย P/E ขึ้นเป็น 27 เท่า โดยกลับมามองบวกต่อ TKN เพราะเล็งเห็นถึงโอกาสในการเติบโตที่มีนัยสำคัญสำหรับธุรกิจในต่างประเทศจากพันธมิตรใหม่อย่าง Pan Orion ที่มีเครือข่ายการจัดจำหน่ายอาหารว่างที่แข็งแกร่งกระจายอยู่ 60 ประเทศ และท่าทีที่แสดงถึงพันธะอันดีด้วยการถือครองหุ้น TKN ในสัดส่วน 3.5%

ขณะเดียวกันคาดว่าอัตรากำไรจะปรับดีขึ้นอย่างมากตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 62 เป็นต้นไป สืบเนื่องจากต้นทุนสาหร่ายที่ลดลง และแผนการควบคุมต้นทุนที่เข้มงวด ทั้งนี้คาดว่ากำไรของ TKN จะพลิกมาเติบโตเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ตั้งแต่ไตรมาส 3/62 เป็นต้นไป หลังจากที่มีกำไรหดตัวลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ด้วยแรงหนุนจากยอดขายทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ปรับดีขึ้นและจากอัตรากำไรที่ขยายตัวขึ้น

Back to top button