EGCO บวกคึก4% รับขึ้น XD พรุ่งนี้-ลุ้นเคาะลงทุนโรงไฟฟ้ากวางจิ 1,220 MW ก.ย.นี้

EGCO บวกคึก4% รับขึ้น XD พรุ่งนี้-ลุ้นเคาะลงทุนโรงไฟฟ้ากวางจิ 1,220 MW ก.ย.นี้


บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ณ เวลา 10.32 น.อยู่ที่ระดับ 356.00 บาท บวก 13.00 บาท หรือ 3.79% ด้วยมุลค่าซื้อขาย 232.10 ล้านบาท ราคาหุ้นปรับตัวแรงสูงสุดตั้งแต่เข้าตลาดฯเมื่อวันที่16  ม.ค.2538 คาดเก็งกำไรบริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 3.25 บาท XD วันที่ 5 ก.ย. 62 และจ่ายเงินปันผล 16 ก.ย. 6 อีกทั้งประเด็นการลงทุนโรงไฟฟ้ากวางจิ 1,220 MW ก.ย.นี้

นายจักษ์กริช พิบูลย์ไพโรจน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO เปิดเผยถึความคืบหน้าโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนกวางจิ ที่เวียดนาม กำลังการผลิตรวม 1,220 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นการร่วมทุนระหว่าง EGCO ถือหุ้น 30%, บริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด สัดส่วน 40% และบริษัท Kyushu Electric Power Co., Inc. (Kyushu) ประเทศญี่ปุ่น สัดส่วน 30% ว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อขายไฟฟ้า คาดว่าจะข้อสรุปภายในสิ้นเดือน ก.ย. 2562

โดยโรงไฟฟ้ากวางจิ คาดว่าจะสรุปแผนและนำไปสู่การลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในปลายปี 2563 จะใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี ใช้เงินลงทุนประมาณ 2,300 ล้านเหรียญสหรัฐ จะสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) ภายในปลายปี 2566-2567 ซึ่งจะขายไฟฟ้าให้แก่ Vietnam Electricity (EVN) ภายใต้สัญญาการซื้อขายไฟฟ้าระยะเวลา 25 ปี

นอกจากนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาโครงการลงทุนในต่างประเทศเพิ่ม หลังจากแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (พีดีพี 2018) ยังไม่เปิดประมูลโรงไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) ซึ่งยังคงเน้นโครงการลงทุนในเอเชียแปซิฟิก ได้แก่ ไต้หวัน เวียดนาม และเมียนมา โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าที่ไต้หวัน เป็นโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน ซึ่งในปีนี้บริษัทยื่นประมูล 2 โครงการ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้

สำหรับการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ บริษัทคาดว่าจะมีกำลังการผลิตใหม่จากโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรีที่ สปป.ลาว กำลังการผลิตตามสัดส่วนถือหุ้น 12.5% จะอยู่ที่ 160 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าถ่านหินซานบัวนาเวนทูนา ที่ฟิลิปปินส์ คิดตามสัดส่วนการถือหุ้น 49% จะอยู่ที่ 223 เมกะวัตต์ ที่จะ COD ในไตรมาส 4/2562 ดังนั้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้บริษัทจะรับรู้กำลังการผลิตใหม่จากทั้ง 2 โครงการ อยู่ที่ 383 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันบริษัทมีโรงไฟฟ้าที่ COD แล้วทั้งสิ้น 27 โครงการ กำลังการผลิตรวม 5,147 เมกะวัตต์

อย่างไรก็ตามบริษัทมั่นใจว่าจะสามารถทำกำไรจากการดำเนินงานเติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้ 6% จากปีก่อนอยู่ที่ 9,200 ล้านบาท แม้ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้จะทำกำไรจากการดำเนินงานได้ 5,500 ล้านบาท เติบโต 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนก็ตาม เนื่องจากในช่วงปลายปีจะมีโรงไฟฟ้าหลายแห่งหยุดซ่อมบำรุงตามแผนงานประจำปี เช่น โรงไฟฟ้าบีแอลซีพี หยุดในช่วงเดือน พ.ย. และ ธ.ค.นี้ และโรงไฟฟ้าขนอม หยุดในช่วงเดือน ต.ค. และ พ.ย.นี้ ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีหลังจะไม่ดีเท่าครึ่งปีแรก

ส่วนทิศทางการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้บริษัทยังคงมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าและธุรกิจพลังงานที่เกี่ยวเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ และปัจจุบันบริษัทที่มีเงินสดอยู่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท พร้อมรองรับการลงทุนใหม่ ๆ โดยคาดว่าในช่วง 1-2 วันนี้จะสามารถปิดดีลการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ธุรกิจพลังงานในประเทศอย่างน้อย 1 ดีล และในช่วงไตรมาส 4/2562 คาดว่าจะมีข่าวดีต่อเนื่อง

นายจักษ์กริช กล่าวอีกว่า บริษัทยังให้ความสนใจลงทุนธุรกิจใหม่ที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลัก เช่น ธุรกิจก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) และธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม รวมถึงธุรกิจในกลุ่ม S-Curve เพื่อให้สอดรับกับยุคที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว (Disruptive  Technology) สำหรับธุรกิจแอลเอ็นจี ปัจจุบันบริษัทได้ร่วมกับ SK E&S ของเกาหลีใต้ ซึ่งเป็นพันธมิตรในโรงไฟฟ้า Paju และมีความเชี่ยวชาญธุรกิจแอลเอ็นจี เพื่อแสวงหาโอกาสลงทุนแอลเอ็นจีในไทย จากเดิมบริษัทมองโอกาสที่จะได้เข้าลงทุนแอลเอ็นจีที่เกี่ยวเนื่องกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทได้รับสิทธิที่จะจัดหาและนำเข้าแอลเอ็นจีในระยะยาว แต่ล่าสุดรัฐบาลได้ปรับแผนและให้สิทธิ กฟผ.ทดลองนำเข้าแอลเอ็นจีในตลาดจร (spot) เท่านั้น

สำหรับความคืบหน้าโครงการนิคมอุตสาหกรรมที่จะจัดตั้งในพื้นที่โรงไฟฟ้าระยองที่หมดอายุไปแล้วนั้น เบื้องต้นจะดำเนินการภายใต้ชื่อ “นิคมอุตสาหกรรมเอ็กโกระยอง” บนพื้นที่ 500 ไร่ เพื่อพัฒนาเป็นนิคมอุตสาหกรรมในลักษณะ Smart Industrial Estate รองรับการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ปัจจุบันอยู่ระหว่างการจัดทำรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะได้รับอนุมัติในช่วงกลางปี 2563 หลังจากนั้นก็จะเป็นขั้นตอนการรื้อถอนโรงไฟฟ้าในพื้นที่ปัจจุบัน ขณะเดียวกันก็จะหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญมาเข้าร่วมลงทุนด้วย คาดว่าจะได้เริ่มพัฒนาพื้นที่ในอีก 2 ปีข้างหน้า

บล.เอเชีย เวลท์ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้(4 ก.ย.62) EGCO ผลประกอบการครึ่งหลังปี 2562ยังมีปัจจัยบวกจากการรับรู้รายได้จาก 2 โครงการใหญ่ที่จะเริ่มผลิตไฟฟ้าในช่วงไตรมาส 4/62 ได้แก่ โครงการ XPCL (ลาว) และ SBPL (ฟิลิปปินส์) ระยะยาวแม้จะมี Megawatts Growth น้อยกว่าบริษัทอื่น แต่บริษัทมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง เงินสดในมือจำนวนมาก และหนี้สินต่อทุนต่ำ ทำให้เราคาดหมายที่จะเห็นการขยายการลงทุน รวมทั้งการทำ M&A เพิ่ม เพื่อเพิ่มกำลังผลิตในระยะยาว

บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 3.25 บาท โดยบริษัทจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 5 ก.ย. 62 และจ่ายเงินปันผล 16 ก.ย. 62 มอง EGCO เป็นหุ้น Defensive ซึ่งเหมาะกับการลงทุนในช่วงที่ภาพรวมตลาด ยังมีปัจจัยเสี่ยงและทำให้ตลาดยังคงมีความผันผวนสูง 

EGCO มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มหลักที่อยู่ในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) อย่างเต็มตัวจากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal เมื่อพิจารณา EGCO มีเป้าหมายสำคัญของการทำ New High อยู่ที่ 362.00 บาท ทั้งนี้จุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 327 บาท (Resistance: 350.00, 358.00, 366.00; Support: 335.00, 327.00, 319.00)

Back to top button