KCE ฮอตปรอทแตก! เดือนเดียวราคาพุ่งเกิน 20% ลุ้นผลงานปี 63 ฟื้น

KCE ฮอตปรอทแตก! เดือนเดียวราคาพุ่งเกิน 20% ลุ้นผลงานปี 63 ฟื้น


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของหุ้น บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE หลังจากสังเกตเห็นว่า ในระยะเวลาประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น KCE ปรับตัวขึ้นสูงถึง 22% นับตั้งแต่ราคาอยู่ที่ระดับ 16.90 บาท เมื่อวันที่ 11 พ.ย.2562 ขณะที่ราคาหุ้นวานนี้ (11 ธ.ค.) ปิดที่ 20.60 บาท ปรับตัวขึ้น 0.06 บาท หรือ 3% ด้านมูลค่าซื้อขาย 562.37 ล้านบาท

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้น KCE ปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจากบริษัทรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/62 มีกำไรมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์เอาไว้ อีกทั้งยังได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนพลิกกลับมาเป็นบวกอีกครั้ง ผนวกกับแนวโน้มค่าเงินบาทอ่อนตัวลง ส่งผลต่อหุ้นส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากนี้ยังนักวิเคราะห์ยังมองว่าในปี 2563 อุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จะฟื้นตัวขึ้น

โดย บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ KCE ได้รับคำสั่งซื้อที่มีมาร์จิ้นสูงเข้ามาและเดินหน้าลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านแรงงานซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2563 ดีขึ้นจากปี 2562 รวมทั้งคาดว่าธุรกิจชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ที่ใช้กับยานยนต์น่าจะหดตัวในอัตราที่น้อยลงในปี 2563

ส่วน บล.ไอร่า ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาด KCE จะได้รับประโยชน์จากสถานการณ์สงครามทางการค้าที่พลิกกลับมามีสัญญาณเชิงบวกขึ้นอีกครั้ง ผสานค่าเงินบาทที่เริ่มกลับมามีสัญญาณอ่อนค่า ลุ้นวัฏจักรอุตสาหกรรมผู้ส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว

ขณะเดียวกัน บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ว่า KCE ได้รับปัจจัยบวกจากการที่ค่าเงินบาทจะไม่แข็งค่าไปกว่านี้ ในขณะที่ระยะยาวภาพรวมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีโอกาสการเติบโตจากรถยนต์ไฟฟ้าและการพัฒนามาโครงข่าย 5G

เช่นเดียวกับ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น KCE เริ่มเห็นสัญญาณที่ดีขึ้นในภาพของตลาดยานยนตร์โลกโดยเฉพาะในยุโรป รวมถึงการปรับโครงสร้างภายในของบริษัทที่ทำให้อัตรากำไรปรับตัวขึ้นมาตั้งแต่ในไตรมาส 3/62 แม้ค่าเงินบาทมีการแข็งค่า

โดยปี 2563 คาดยอดขายจะกลับมาเติบโตได้ 9% จาก 1) ยอดขายของ HDI ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง, 2) ยอดขายเรดาร์เริ่มเข้ามา และ 3) มีคำสั่งซื้อที่ย้ายจากปีนี้ไปในปีหน้า ซึ่งในปีที่ผ่านมาการชะลอการสั่งซื้อทำให้สินค้าคงคลังของลูกค้าเริ่มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ในขณะที่ end-market ยังคงมีการบริโภคอยู่ทำให้มองว่าจะเริ่มเห็นการกลับมาสั่งสินค้าเพิ่มมากขึ้นในปีหน้า

Back to top button