SABINA กางแผน 5 ปี ดันรายได้แตะ 5 พันล้าน ลุยปั๊มยอดขายผ่านออนไลน์-ขยายส่งออกเวียดนาม

SABINA กางแผน 5 ปี ดันรายได้แตะ 5 พันล้าน ลุยปั๊มยอดขายผ่านออนไลน์-ขยายส่งออกเวียดนาม


นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้กำหนดแผนการดำเนินธุรกิจ 5 ปีระหว่างปี 2563-2567 (2020-2024) โดยวางเป้าหมายรายได้แตะในระดับ 5,000 ล้านบาทในปี 2567 แบ่งเป็นเป้าหมายรายได้การขายจากช่องทางรีเทล (Retail) ผ่านเคาน์เตอร์ในห้างสรรพสินค้าและซาบีน่า ช้อป 3,000 ล้านบาท

โดยคิดเป็นสัดส่วน 60% ของรายได้จากการขายรวม รายได้จากช่องทางออนไลน์หรือ Non Store Retailing (NSR) 1,300 ล้านบาท คิดเป็น 26% รายได้จากการส่งออก (Export) ภายใต้แบรนด์ “ซาบีน่า” ไปยังกลุ่มประเทศ CLMV อยู่ที่ 400 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 8% และรายได้จากการรับผลิต (OEM) ให้กับลูกค้าในสหราชอาณาจักร ยุโรปและเอเชีย จะอยู่ที่ 300 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 6% ของรายได้ยอดขาย

ทั้งนี้ หากพิจารณาจากแผน 5 ปี จะพบว่า สัดส่วนของรายได้ใน 4 ช่องทางหลักของซาบีน่า จะเปลี่ยนแปลงไป โดยยอดขายผ่านช่องทางรีเทล จะมีสัดส่วนลดลงจากงวด 9 เดือนแรกของปี 2562 ซึ่งมีสัดส่วนรายได้ 78% ของรายได้ยอดขายรวม จะลดลงเหลือ 60% ขณะที่ช่องทางที่เติบโตขึ้น ได้แก่ ช่องทางออนไลน์ ที่เพิ่มสัดส่วนในโครงสร้างรายได้จาก 11% เป็น 26%

เช่นเดียวกับช่องทางส่งออก ที่เติบโตจาก 3% เป็น 8% ส่วนสัดส่วนรายได้จาก OEM จะลดลงจาก 8% เหลือ 6% หมายความว่า การเติบโตของรายได้จากการขายของซาบีน่าในช่วง 5 ปีนับจากนี้ จะถูกขับเคลื่อนด้วยช่องทางออนไลน์ และการส่งออกไปในกลุ่มประเทศ CLMV โดยเฉพาะประเทศเวียดนามที่พบว่า สินค้าซาบีน่าได้รับการตอบรับอย่างดีเกินกว่าคาดไว้

“จากเป้าหมายรายได้ที่ 5 พันล้านบาทในปี 2567 เป็นความท้าทายของเราที่จะต้องผลักดันให้การเติบโตเฉลี่ยในแต่ละปีจะต้องอยู่ที่ 7-10% โดยเฉพาะช่องทางออนไลน์ที่ภายใน 5 ปีต้องเติบโตให้ได้ 305% หรือเฉลี่ยปีละ 25-30% และช่องทางส่งออก ที่ต้องเติบโต 410% ภายใน 5 ปี เฉลี่ยปีละ 30-35% ขณะที่ช่องทางรีเทลและช่องทาง OEM แม้ว่าสัดส่วนรายได้ในโครงสร้างหลักจะลดลง แต่ก็ต้องทำให้รายได้ใน 5 ปีนี้เติบโต 55% และ 3% ตามลำดับ ซึ่งต้องยอมรับว่า ไม่ใช่โจทย์ที่ง่ายในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้” นายบุญชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีความมั่นใจว่า เป้าหมายดังกล่าวจะเป็นไปได้ตามแผนที่วางไว้ โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญ นอกจากจะมาจากการที่บริษัทฯ มุ่งเน้นการผลิตสินค้าชุดชั้นในคุณภาพ โดยใช้นวัตกรรมในการผลิตเข้ามาตอบสนองความต้องการของลูกค้า และมีการนำเสนอชุดชั้นในคอลเลคชั่นใหม่อย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมายแล้ว บริษัทฯ ยังเน้นการพัฒนาช่องทางขาย

โดยได้ลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีที่ทันสมัยส่งเสริมการตลาดและการขายทดแทนระบบเก่า ทำให้การขายมีประสิทธิภาพมากขึ้นและสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีกำลังซื้อได้ตรงจุด นอกจากนี้ การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ขยายตลาดในช่องทางออนไลน์ยังทำให้บริษัทฯ บริหารจัดการต้นทุนได้ดีขึ้น โดยต้นทุนต่ำลง ค่าใช้จ่ายลดลง และทำให้อัตรากำไรขั้นต้นหรือ Gross Profit Margin  (GPM) ของบริษัทฯ ขยับสูงขึ้น

นายบุญชัยกล่าวด้วยว่า ในส่วนของการผลิต บริษัทฯ ยังไม่มีแผนลงทุนเพิ่มเติม โดยโครงสร้างผลิตในปี 2562 ที่ผ่านมา เป็นการผลิตเองจากโรงงานของซาบีน่า 70% และเป็นการจ้างผลิตจากโรงงานในต่างประเทศ 30% ขณะที่แผนระยะสั้นในปี 2563 จะลดการผลิตเองลงเหลือ 65% และเพิ่มสัดส่วนจ้างผลิตเป็น 35% ซึ่งในภาวะที่ค่าเงินบาทยังคงมีแนวโน้มแข็งค่า ก็จะทำให้ในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงมีความได้เปรียบทั้งทางด้านต้นทุนการผลิตและการนำเข้าสินค้า

Back to top button