TPCH แย้มผลงานทั้งปีโตกระโดด จ่อ COD โรงไฟฟ้าชีวมวล-ขยะ 59 MW

TPCH แย้มผลงานทั้งปีโตกระโดด จ่อ COD โรงไฟฟ้าชีวมวล-ขยะ 59 MW ดันกำลังผลิตแตะ 119 MW หนุนรายได้-กำไร สูงสุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมลุยโรงไฟฟ้าชุมชนสนองนโยบายรัฐ


นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH  เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2563 คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการรับรู้รายได้ของการขายไฟเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ (COD) จากโรงไฟฟ้าเดิมและโรงไฟฟ้าใหม่ที่จะ COD เพิ่ม จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในมือจำนวน 60 เมกะวัตต์ เพิ่มเป็น 119 เมกะวัตต์ ในสิ้นปีนี้

สำหรับโครงการโรงไฟฟ้าชีวมวลและโรงไฟฟ้าขยะที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างและรอ COD มีกำลังการผลิตรวม 59 เมกะวัตต์ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าชีวมวล ทีพีซีเอช เพาเวอร์1 (TPCH 1) ,โรงไฟฟ้าชีวมวล ทีพีซีเอช เพาเวอร์2 (TPCH 2), โรงไฟฟ้าชีวมวล ทีพีซีเอช เพาเวอร์5 (TPCH 5), โรงไฟฟ้าชีวมวล ปัตตานี กรีน เพาเวอร์ (PTG) ทำให้มีโรงไฟฟ้าชีวมวลสามารถจ่ายไฟเข้าระบบได้ครบทั้ง 10 โรงไฟฟ้าในครึ่งปีแรก และโรงไฟฟ้าขยะ สยาม พาวเวอร์ 1 (SP1)  ในครึ่งปีหลังของ 2563 ซึ่งจะเป็นการสนับสนุนรายได้และกำไรเติบโตแบบเท่าตัว

ด้าน นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TPCH กล่าวว่า ถึงแม้ว่าเหตุการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจโลกเป็นวงกว้าง สำหรับบริษัทฯ คาดว่าจะส่งผลกระทบไม่มากนัก เนื่องจากมีโครงสร้างทางรายได้ที่มั่นคงจากภาครัฐ  ทั้งนี้ บริษัทฯได้วางมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไว้แล้ว และเชื่อมั่นว่าการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าจะยังคงเป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นไปตามแผนที่บริษัทฯได้วางไว้

ทุกโรงไฟฟ้าของบริษัทฯ ยังเปิดดำเนินการเต็มกำลังการผลิตตามปกติ และมีการควบคุมต้นทุนในการผลิตอย่างรัดกุม ในส่วนของแผนการเติบโตของบริษัทฯนั้น มีเป้าหมายในการมีใบอนุญาตในการขายไฟฟ้า (PPA) ทั้งโรงไฟฟ้าชีวมวล ชีวภาพ และโรงไฟฟ้าขยะ ให้ครบ 250 เมกะวัตต์ แบ่งออกเป็นโรงไฟฟ้าชีวมวล ชีวภาพ 200 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 110 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขยะที่ 50 เมกะวัตต์ ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ที่ 10 เมกะวัตต์ บริษัทฯ มีความพร้อมในการเข้าร่วมโครงการโรงไฟฟ้าชุมชนเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชนที่มีนโยบายจากภาครัฐให้การสนับสนุนอยู่ เพื่อผลักดันให้ธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน” นายเชิดศักดิ์ กล่าว

ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปี 2562 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562) มีรายได้รวม 1,642.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 81.9 ล้านบาท หรือ 5.25% เทียบปี 2561 มีรายได้รวม 1,560.12 ล้านบาท  ขณะที่มีกำไรสุทธิ 359.51 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.62 ล้านบาท หรือ 1.58% เทียบกับปี 2561 มีกำไรสุทธิ 353.89 ล้านบาท

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการยังมีมติอนุมัติจ่ายปันผลสำหรับงวดผลการดำเนินงานในวันที่ 1 กรกฎาคม-31 ธันวาคม 2562  เป็นเงินสดในอัตรา 0.123 บาท/หุ้น รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 49.35 ล้านบาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 5 พ.ค. และกำหนดจ่ายในวันที่ 20  พ.ค.2563

 

Back to top button