ดักเก็บ BGRIM เป้าใหม่ 53.50 บ.โบรกฯชี้เข้าลงทุน “โรงไฟฟ้าอ่างทอง” หนุนกำลังผลิตพุ่ง

ดักเก็บ BGRIM เป้าใหม่ 53.50 บ.โบรกฯชี้เข้าลงทุน “โรงไฟฟ้าอ่างทอง” หนุนกำลังผลิตพุ่ง


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับหุ้นบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM โดยมีนักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 53.50 บาทต่อหุ้น จากเดิม 52.25 บาท เพื่อสะท้อนการขยายโรงไฟฟ้าประเภท SPP

โดยมองปัจจัยบวกจากการอนุมัติเข้าซื้อหุ้น 70% ในโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซขนาด 123 MW ในจังหวัดอ่างทอง ซึ่งการเข้าซื้อดังกล่าวจะช่วยหนุนกำลังการผลิตในปี 2563 ขึ้น 5% เป็น 1,989 MW ดังนั้น จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 2563-65 ขึ้น 3%/4%/3% ตามลำดับ

เช่นเดียวกับ บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 55 บาทต่อหุ้น โดยฝ่ายวิจัยมีมุมมองเป็นบวกเล็กน้อยต่อการเข้าถือหุ้น 70% ของบริษัท อ่างทอง เพาเวอร์ จำกัด มูลค่าซื้อขายหุ้นรวม 2.5 พันล้านบาท โดยบริษัท อ่างทอง เพาเวอร์ เป็นผู้พัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม กำลังการผลิตติดตั้ง 123MW ณ อำเภอไชโย จังหวัดอ่างทอง พร้อมสัญญา PPA กับ EGAT ขนาด 90MW เป็นระยะเวลา 25 ปี

ทั้งนี้ จะส่งผลให้ BGRIM มีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นจากโครงการที่มี PPA ในปัจจุบันอีกราว +3.6% โดยบริษัทสามารถรับรู้รายได้ได้ทันทีเนื่องจากโครงการดังกล่าวได้ดำเนินการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ หรือ COD แล้วตั้งแต่ไตรมาส 2/2559

โดยก่อนหน้านี้ ด้านนางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BGRIM เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 63 เติบโต 10-15% จากปีก่อนที่มีรายได้ 4.4 หมื่นล้านบาท จากการรับรู้รายได้จากการเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้าในปีนี้เพิ่มอีก 2 แห่ง คือ โรงไฟฟ้าพลังงานลม มุกดาหาร กำลังการผลิต 16 เมกะวัตต์ (MW)  และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ศรีโสภณ ในกัมพูชา กำลังการผลิต 39 เมกะวัตต์ ทำให้สิ้นปี 63 จะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ COD แล้วเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2,951 เมกะวัตต์

ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีแผนลงทุนในโครงการพลังงานอื่น ๆ เพิ่มเติม ซึ่งในปีนี้บริษัทมีดีลซื้อกิจการหรือร่วมลงทุน (M&A) ที่คาดว่าจะเห็นความชัดเจน 3-4 ดีล แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) ในประเทศ กำลังการผลิตรวม 400 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าในมาเลเซีย กำลังการผลิต 250 เมกะวัตต์ ซึ่งจะมี 1 ดีล ที่บริษัทเตรียมประกาศในเร็ว ๆ นี้

นอกจากนี้ บริษัทยังมองดีล M&A โรงไฟฟ้าในต่างประเทศเพิ่มเติม อย่างในเกาหลีใต้ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ กำลังการผลิตรวม 100-300 เมกะวัตต์ ซึ่งจะช่วยหนุนกำลังการผลิตไฟฟ้าให้เป็นไปตามเป้าหมาย 5,000 เมกะวัตต์ในปี 68 โดยในส่วนนี้เป็นกำลังการผลิตที่ COD จำนวน 3,424 เมกะวัตต์ และคาดว่าในอีก 2-3 ปี จะมีสัดส่วนรายได้จากพลังงานทดแทนเพิ่มเป็น 30% จาก 20% ในปัจจุบัน

สำหรับแผนลงทุนในช่วงต่อจากนี้ บริษัทจะก่อสร้างโรงไฟฟ้าทดแทนโรงไฟฟ้าเดิม 7 แห่ง และซื้อโรงไฟฟ้าใหม่อีก 2 แห่ง กำลังการผลิตรวม 980 เมกะวัตต์ เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าเดิมที่กำลังการหมดอายุตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA)

ด้านนายนพเดช กรรณสูต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส- พัฒนาธุกิจ ของ BGRIM กล่าวว่า บริษัทตั้งงบลงทุนเพื่อรองรับการลงทุนในช่วงปี 63-68 ทั้งหมด 6.3 หมื่นล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการกระแสเงินสด , เงินกู้สถาบันการเงิน และการออกหุ้นกู้

ทั้งนี้ จากแผนการใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูงในช่วงปี 63-68 ทำให้บริษัทจะมุ่งเน้นการบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยปีนี้จะออกหุ้นกู้ชุดใหม่ทดแทนหุ้นกู้ชุดเดิมในช่วงครึ่งหลังของปี วงเงิน 8 พันล้านบาท ทำให้ต้นทุนการเงินลดลงมาอยู่ที่ 4-4.5% จากเดิม 4.6% ขณะที่วางเป้าหมายควบคุมอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E)ไม่เกิน 1.5-2 เท่า จาก 0.9 เท่าในปัจจุบัน

Back to top button