“ศบค.” งัด 3 เหตุผล ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน พร้อมเปิดไทม์ไลน์ มาตรการผ่อนคลาย เฟส 3

"ศบค." งัด 3 เหตุผล ต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉินอีก 1 เดือน คุมเข้ม "โควิด-19" พร้อมเปิดไทม์ไลน์ มาตรการผ่อนคลาย เฟส 3 เริ่ม 1 มิ.ย.นี้!


นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. กล่าวในการแถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันนี้ (22 พ.ค.63)​ถึงมติที่ประชุมใหญ่ ศบค. ที่เห็นชอบประกาศขยายเวลาใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ออกไปอีก 1 เดือน ถึงวันที่ 30 มิ.ย.63 จากเดิม สิ้นสุดวันที่ 31 พ.ค.นี้ ตามข้อเสนอของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)​ โดยระบุว่ามีเหตุผล 3 ข้อ คือ

1. ยังคงมีความจำเป็นและต้องมีการบังคับใช้พ.ร.ก.นี้ เพราะต้องการเอกภาพ รวดเร็ว มีความต่อเนื่อง มีประสิทธิภาพและมีมาตรฐานกลางในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่

  “กฎหมายทั้งหมดที่เกี่ยวโยงกับด้านสาธารณสุขการควบคุมโรค ไม่ใช่แค่เอาพ.ร.บ.โรคติดต่อมาใช้แล้วได้ผลนะครับ ไม่เพียงพอครับ ต้องมีการประกอบกฎหมาย 40 กฎหมายอยู่ภายใต้พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เราถึงจะปฏิบัติตรงนี้ได้ เพราะมันจะเชื่อมโยงถึงการเดินทางเข้ามาในต่างประเทศ พูดถึงการเคลื่อนย้าย การใช้พาหนะ อากาศยาน การตรวจคนเข้าเมือง จิปาถะอีกมากมาย… กฎหมาย ต้องเป็นเอกภาพและรวดเร็ว นั่นคือความสำคัญของพ.ร.ก.ฉุกเฉินนี่มาทำให้เกิดเอกภาพ”

2. เป็นการเตรียมรองรับในระยะต่อไป เพราะตอนนี้ประเทศไทยอยู่ระหว่างผ่อนปรนระยะที่ 2 ต่อไปคือระยะที่ 3 และระยะที่ 4 ซึ่งมีความเสี่ยงที่สูงกว่าเมื่อเทียบกับระยะที่ 1 และ 2 เสี่ยงเรื่องสาธารณสุขคือเรื่องติดเชื้อ

    “ระยะที่ 1 และ 2 ยังเห็นตัวเลขเป็น 0..1..2 เป็นหลักหน่วย แต่เมื่อไหร่ที่ปรับเป็นระยะ 3 และ 4 กิจการ กิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงจะเปิด พอมีความเสี่ยงสูง ถ้าตัวกำกับหย่อนลงจะให้ยกเลิกพ.ร.ก.แต่พฤติกรรมความเสี่ยงสูงกลับมา สิ่งนี้ไม่สมดุลกันไม่ได้ เราจึงจำเป็นต้องสร้างสมดุล จำเป็นต้องมีมาตรการตามกฎหมายเพื่อบริหารจัดการเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการผ่อนคลายในระบบที่มีระยะเวลาที่เหมาะสม”

เหตุผลที่ 3 เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคยังไม่สิ้นสุด หลายประเทศยังมีการระบาดและมีผู้ติดเชื้อในระดับสูง จำเป็นต้องมีมาตรการเพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดประเทศ อาทิ มาตรการด้านกฎหมาย แผนปฏิบัติการในการบริหารวิกฤตเพื่อรองรับความเสี่ยงที่อาจกลับมาแพร่ระบาดของโรค

“ถ้าไม่มีกฎหมาย ตัวเลขที่สูงๆอยู่ในต่างประเทศอาจจะไหลเข้ามา เพราะโรคติดต่อโรคระบาดไม่มีพรมแดน”

นอกจากนี้ นพ.ทวีศิลป์ ยังกล่าวถึงขั้นตอนและระยะเวลา การจัดทำมาตราการผ่อนคลายในระยะที่ 3 จะมี 5 ช่วง ดังนี้

ช่วงวันที่ 23-24 พ.ค.63 จัดเตรียมข้อมูลเพื่อประชุมคณะทำงานกลั่นกรองกิจการและกิจกรรมตามมาตราการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตราการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโครโรนา 2019 (โควิด-19)

ช่วงวันที่ 25-26 พ.ค.63 ประชุมคณะทำงานกลั่นกรองกิจการและกิจกรรมตามมาตราการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตราการในการป้องกันและยับยังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโครโรนา 2019 (โควิด-19)

วันที่ 27 พ.ค. 63 ประชุมคณะทำงานเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตราการในการป้องกันและยับยังการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโครโรนา 2019 (โควิด-19)

วันที่ 29 พ.ค.63 ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโครโรนา 2019 (โควิด-19)

และวันที่ 1 มิ.ย.63 มาตราการผ่อนคลายในระยะที่ 3 มีผลบังคับใช้

ส่วนจะมีการผ่อนคลายเคอร์ฟิวหรือไม่ รวมถึงกิจการ กิจกรรม อะไรที่จะได้ผ่อนปรนบ้างในระยะที่ 3 บ้างนั้น นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า ที่ประชุมวันนี้ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องระยะเวลาเคอร์ฟิว แต่ถ้าประชาชนทุกคนให้ความร่วมมือไม่ออกนอกสถานที่ เว้นแต่ไปทำงานกันจริงๆ ก็มีโอกาสที่จะลดช่วงเวลาของเคอร์ฟิวลง ส่วนจะเป็นกี่ชั่วโมง อย่างไรคงต้องรอการประชุม ศบค.ในครั้งต่อไป

อีกทั้งจะมีกิจการอะไรบ้างที่ได้รับการผ่อนปรน จะยังใช้หลักการเดิม ถ้าใครสุ่มเสี่ยงก็ยังไม่พิจารณา แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถบอกได้ ขอให้รอการประชุมในครั้งต่อไป

Back to top button