BGRIM มองผลงานปี 63 ทรงตัว วางงบลงทุน 5 ปี 7.5 หมื่นลบ.

BGRIM มองผลงานปี 63 ทรงตัว วางงบลงทุน 5 ปี 7.5 หมื่นลบ.


นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM เปิดเผยว่า บริษัทฯ ปรับลดเป้าหมายรายได้ และกำไรปีนี้เหลือทำได้ใกล้เคียงปีก่อน จากเดิมที่คาดรายได้จะเติบโต 10-15% หลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบกับกลุ่มลูกค้าอุตสาหกรรมบางโรงงานชะลอการผลิต ในช่วงเดือนเม.ย.63 แต่อย่างไรก็ตามมองว่าสถานการณ์น่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว เนื่องจากเริ่มเห็นการกลับมาผลิตของลูกค้าได้ตามปกติแล้วในช่วงเดือนพ.ค.นี้

ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังทยอยจ่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าใหม่เข้ามาอีกในช่วงที่เหลือของปีรวม 30 เมกะวัตต์ (MW) ตามสัญญาการซื้อขายไฟฟ้า ซึ่งขณะนี้ได้มีการจ่ายไฟฟ้าไปแล้ว 14 เมกะวัตต์ และจะทยอยจ่ายไฟฟ้าอีก 16 เมกะวัตต์ในครึ่งปีหลัง ขณะเดียวกันในปีนี้บริษัทจะรับรู้รายได้จากการจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) เข้ามาเต็มปีของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ในประเทศเวียดนาม กำลังการผลิต 677 เมกะวัตต์ ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยหนุนให้รายได้และกำไรปีนี้ทำได้ใกล้เคียงกับปีก่อน หรือเติบโตได้เล็กน้อย จากปีก่อนที่มีรายได้ 4.4 หมื่นล้านบาท

พร้อมกันนี้บริษัทฯ ได้วางงบลงทุน 5 ปี (63-67) ไว้ที่ 7-7.5 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับการลงทุนพัฒนาโครงการในมือ และการเข้าซื้อกิจการ (M&A) โดยหลักยังคงมองโอกาสเข้าลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานลม ประเทศเกาหลีใต้ กำลังการผลิตราว 200 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้ รวมถึงยังมองโอกาสของโรงไฟฟ้าพลังงานลม ก๊าซธรรมชาติ และก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ในประเทศเวียดนาม, โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์-ก๊าซธรรมชาติ และ Transmission and Distribution System (T&D) ในประเทศกัมพูชา ส่วนในประเทศมาเลเซีย ปัจจุบัน BGRIM ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และก๊าซธรรมชาติ

นอกจากนี้ในประเทศไทย บริษัทก็อยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้า SPP จำนวน 2-3 แห่ง กำลังการผลิตรวม 300 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันอยู่ในกระบวนการทำ Due diligence คาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้ภายในปีนี้

สำหรับงบลงทุนปีนี้จะอยู่ที่ 1.6-1.8 หมื่นล้านบาท โดยจะใช้ในโครงการที่ได้รับการอนุมัติแล้ว และโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาก่อสร้าง รวมถึงการเข้าซื้อกิจการ (M&A) ซึ่งโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง ได้แก่

1.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Ray Power ในประเทศกัมพูชา ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 39 เมกะวัตต์ คาด COD ได้ในช่วงปลายปี 64

2.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนทุ่นลอยน้ำหลักชัย กำลังการผลิตติดตั้ง 13 เมกะวัตต์

3.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลมบ่อวิน วินด์ฟาร์ม 1&2 กำลังการผลิตติดตั้ง 16 เมกะวัตต์ มีกำหนดการเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในช่วงไตรมาส 4/63 ถึง ไตรมาส 1/64

อย่างไรก็ตามจากโครงการที่เปิดดำเนินการแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนา รวมถึงการเข้าซื้อกิจการเพิ่ม น่าจะสนับสนุนให้กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 5,000 เมกะวัตต์ได้ในปี 65 จากปีนี้อยู่ที่ 3,058 เมกะวัตต์

นางปรียนาถ กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าเรื่องใบอนุญาตประกอบกิจการจัดหาและค้าส่งก๊าซธรรมชาติ (Shipper) บริษัทฯ อยู่ระหว่างรอประกาศจากทางคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ที่จะมีการพิจารณาใบอนุญาตฯ ให้กับบริษัท ในวันนี้ (27 พ.ค.63) โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นว่ามีคุณสมบัติครบถ้วนตามเกณฑ์ และได้ดำเนินการถูกต้องครบถ้วน หลังได้ปรับแก้ตัวเลขปริมาณการนำเข้า LNG เหลือ 6.5 แสนตันต่อปี

Back to top button