STI ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 80% หลังตุนแบ็กล็อกแน่น 4.5 พันลบ. หนุนผลงานสดใสยาว 3-4 ปี

STI ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 80% หลังตุนแบ็กล็อกแน่น 4.5 พันลบ. หนุนผลงานสดใสยาว 3-4 ปี


นายสมเกียรติ ศิลวัฒนาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI เปิดเผยถึง แนวโน้มธุรกิจปีนี้จะเติบโตอย่างโดดเด่น หลังจากเข้าซื้อหุ้น บริษัท เอเชียน เอ็นจิเนียริ่ง คอนซัลแต้นส์ จำกัด หรือ AEC แล้วเสร็จ และจะเริ่มนำผลการดำเนินงานของ AEC เข้ามาในผลการดำเนินงานรวมของกลุ่มบริษัทฯ ตามสัดส่วนการถือหุ้นตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ปีนี้ สนับสนุนการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และการขยายไปสู่งานโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) มากขึ้นในอนาคต  จากเดิมลักษณะงานส่วนใหญ่ของ STI อยู่ในกลุ่มงานโครงการขนาดใหญ่ภาคเอกชน จึงนับเป็นการกระจายความเสี่ยง และการขยายการเติบโตสู่งานโครงสร้างพื้นฐานได้อย่างรวดเร็ว

โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มขึ้น 80% จากการซื้อกิจการสำเร็จ และงานในมือ (Backlog) ของ STI ล่าสุดอยู่ที่ 1,941 ล้านบาท ในขณะที่ Backlog ของ AEC อยู่ที่ 2,781 ล้านบาท ถือว่าเป็นระดับสูงเมื่อเทียบกับรายได้ของทั้งสองบริษัทก่อนซื้อกิจการที่ 700 – 800 ล้านบาท และหากมาย้อนดูผลการดำเนินงานของ STI ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ก็สามารถสร้างความสำเร็จได้ตามเป้าหมาย มีการเติบโตทั้งรายได้และกำไรสม่ำเสมอ รวมไปถึงอัตราการจ่ายปันผลในปี 2562 ที่ผ่านมา อยู่ในระดับสูงถึง 70% จากนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ วางไว้ ในอัตราไม่ต่ำกว่า 50% จึงมองว่า เมื่อผลประกอบการอยู่ในทิศทางที่ดีขึ้น ก็คาดว่าจะสามารถจ่ายปันผลในระดับที่สูงอย่างต่อเนื่องได้

“เรามองว่าดีลในครั้งนี้ เป็นดีลใหญ่แห่งปีของบริษัท และในวงการที่ปรึกษาคุมงานก่อสร้างก็ว่าได้ ด้วย 2 บริษัทที่มีจุดแข็งในหลายๆ เรื่อง และประสบการณ์ในวงการราว 40 ปี จะสามารถพัฒนาและต่อยอดการเติบโตร่วมกันได้อย่างยั่งยืนและมั่นคง โดยในช่วงหลังจากนี้ STI จะดึงความเป็นมาตรฐานของ AEC นำกลับมาพัฒนาบริษัทฯ ให้ดียิ่งขึ้น ขณะที่ AEC ได้บุคคลากรของ STI เข้ามาเสริมทัพ ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายที่ลดลง และสนับสนุนผลการเติบโตของ STI ตั้งแต่ไตรมาส 2/2563 ให้เติบโตก้าวกระโดด

ทั้งนี้ หากมองงานในมือของ STI ก็สามารถทำผลงานได้ดี โดยอยู่ระหว่างคุมงานก่อสร้างโครงการพัฒนาพื้นที่ส่วนขยายศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 โซน C กระบวนการอยู่ในช่วงเสาเข็มแล้วเสร็จ และเริ่มงานใต้ดิน ในส่วนนี้การรับรู้รายได้ก็จะเข้ามามากขึ้น งานปรับปรุงและขยายพื้นที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ ก็จะเริ่มงานใต้ดินเช่นกัน งานโครงการพัฒนาพื้นที่หมอน 33 จะเริ่มเปิดก่อสร้างปลายปีนี้ รวมทั้ง งานใหม่ๆ ที่ STI ได้รับความไว้วางใจให้เข้าไปบริหารควบคุมการก่อสร้างเพิ่มเติม

ทั้งกลุ่ม โรงพยาบาล และงานโครงการขนาดใหญ่ที่กำลังเดินหน้า เพราะฉะนั้น งานปลายปีเรามั่นใจจะเติบโตต่อเนื่องสดใสแน่นอน จึงขอฝากถึงนักลงทุนและผู้ถือหุ้น พวกเราทำงานอย่างมืออาชีพ และความตั้งใจที่จะทำผลงานให้ดีที่สุด จาก Backlog ที่มีอยู่ในมือ มั่นใจได้ว่า STI จะสามารถเติบโตสดใสไปอีก 3-4 ปีข้างหน้า และยังคงนโยบายการจ่ายปันผลที่ดี ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ” นายสมเกียรติ กล่าว

Back to top button