WHA เปิดตัวคลังสินค้าแหลมฉบัง หนุนพื้นที่บริการแตะ 2.39 ล้านตรม.

นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริษัทและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA (ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป) ผู้ให้บริการโซลูชั่นครบวงจรด้านโลจิสติกส์และนิคมอุตสาหกรรมชั้นนำในประเทศไทย จัดพิธีเปิดโครงการ ดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง แห่งที่ 2 โดยคลังสินค้าแห่งใหม่นี้นับเป็นโครงการแห่งที่ 38 ของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ ห่างจากโครงการ ดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง แห่งที่ 1 เพียง 6 กิโลเมตร

สำหรับ โครงการดับบลิวเอชเอ เมกกะ โลจิสติกส์ เซ็นเตอร์ แหลมฉบัง แห่งที่ 2 มีพื้นที่รวมทั้งหมด 44,800 ตารางเมตร โดยมีลูกค้าเช่าพื้นที่จำนวน 2 รายคือ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด ซึ่งจะใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นศูนย์กระจายสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อาทิ โทรทัศน์ เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ฯลฯ โดยใช้พื้นที่ทั้งหมด 34,700 ตารางเมตร และลูกค้าอีกรายหนึ่งคือ บริษัท ดีบี เช้งเกอร์ ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์สำคัญของบริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด มาเป็นเวลาเกือบ 10 ปี จะใช้พื้นที่ 10,100 ตารางเมตร ในการกระจายผลิตภัณฑ์ของไทยซัมซุง ในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ เมียนมา ลาว และกัมพูชา

โดยโครงการแห่งนี้ตั้งอยู่ห่างจากโรงงานของไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ เพียง 4.5  กิโลเมตร ทั้งยังอยู่ในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) อันเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญด้านโลจิสติกส์และใกล้กับทางหลวงพิเศษ ทำให้การขนส่งไปยังท่าเรือแหลมฉบัง สนามบินสุวรรณภูมิ และเข้าสู่กรุงเทพมหานครได้อย่างสะดวกสบาย

“นับเป็นการตอกย้ำบทบาทความเป็นผู้นำของดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป ในการให้บริการโซลูชั่นด้านโลจิสติกส์ในพื้นที่โครงการอีอีซี อันเป็นฐานการผลิตและกระจายสินค้าหลักของประเทศ เราพร้อมให้บริการแก่ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ และดีบี เซ้งเกอร์ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของทั้งสองบริษัทในประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะอำนวยประโยชน์แก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง” นางสาวจรีพร กล่าว

สำหรับโครงการคลังสินค้าแห่งที่ 38 นี้ ทำให้ดับบลิวเอชเอ กรุ๊ป มีพื้นที่ในการให้บริการด้านโลจิสติกส์ในไทยรวมทั้งสิ้น 2,390,000 ตารางเมตร ประกอบด้วยโรงงานแบบ Built-to-Suit โรงงานสำเร็จรูป (RBF) และคลังสินค้า โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะเพิ่มพื้นที่ในการให้บริการด้านโลจิสติกส์อยู่ที่ 3 ล้านตารางเมตรภายใน 3-4 ปีข้างหน้า