TTCL พุ่งชนซิลลิ่ง! ลุ้นคว้างานใหญ่โรงปุ๋ยในเติร์กฯ Q3/63 มั่นใจปีนี้พลิกกำไร

TTCL พุ่งชนซิลลิ่ง! ลุ้นคว้างานใหญ่โรงปุ๋ยในเติร์กฯ Q3/63 มั่นใจปีนี้พลิกกำไร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) หรือ TTCL ณ เวลา 11.10 น.อยู่ที่ระดับ 3.18 บาท บวก 0.40 บาท หรือ 14.39% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 38.38 ล้านบาท ราคาหุ้นพุ่งชนซิลลิ่งของวันที่ระดับ 3.18 บาท ขณะเดียวกันราคาหุ้นยังต่ำกว่ามูลค่าหุ้นทางบัญชีที่ระดับ 4.49 บาท

ด้านนายฮิโรโนบุ อิริยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ทีทีซีแอล (TTCL) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างร่วมกับ SOJITZ CORPORATION ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท เข้าประมูลโครงการโรงงานปุ๋ยในประเทศเติร์กเมนิสถาน มูลค่างานราว 250 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 3/63 ซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถคว้างานมาได้

ส่วนความคืบหน้าการลงทุนโรงไฟฟ้า Ahlone เฟส 2 ในเมียนมา กำลังผลิต 388 เมกะวัตต์ มูลค่าการ 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อยู่ระหว่างรอสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) จากกระทรวงไฟฟ้าของเมียนมา คาดว่าโครงการดังกล่าวจะสามารถเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 4/66 โดยที่บริษัทตั้งเป้าภายในปี 68 จะมีกำไรขั้นต้นจากธุรกิจโรงไฟฟ้าเข้ามาราว 2 พันล้านบาท

ทั้งนี้ ภาพรวมการประมูลงานใหม่ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีงานที่เข้าประมูลกว่า 5 หมื่นล้านบาท โดยบริษัทคาดหวังจะได้รับงานราว 30% ของมูลค่างานทั้งหมด โดยในช่วงครึ่งปีแรกบริษัทได้งานมาแล้ว 2 โครงการ มูลค่าราว 2 พันล้านบาท ทำให้งานในมือ (Backlog) เพิ่มเป็นเกือบ 1 หมื่นล้านบาท

แต่จากสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ส่งผลให้เกิดความล่าช้าของงานประมูลใหม่ต้องเลื่อนออกไปทำให้การรับงานใหม่ยังเกิดความล่าช้า ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่เอื้ออำนวย และทิศทางราคาน้ำมันที่ผันผวน ทำให้ภาคธุรกิจโดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจพลังงาน ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทชะลอการลงทุน ซึ่งมีงานบางโครงการต้องชะลอออกไปก่อนเพื่อรอดูสถานการณ์

อย่างไรก็ตาม การรับงานรับเหมาก่อสร้างในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทจะปรับแผนจากการรับงานใหม่ที่เน้นงานที่ต่อเนื่องจากกลุ่มลูกค้าเดิมที่เคยรับงานมากขึ้น ซึ่งเป็นโอกาสที่บริษัทจะได้รับงานค่อนข้างสูง เพราะลูกค้ามีความเชื่อมั่นในการทำงานของบริษัท และสามารถเข้ามาทดแทนงานใหม่ที่มาจากงานโครงการประมูลที่เลื่อนแผนออกไป

ขณะที่ในส่วนข้อผิดพลาดของการทำงานของบริษัทในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาที่บริษัทได้เร่งทำงานให้เสร็จทันส่งมอบมากจนเกินไป ทำให้เกิดข้อผิดพลาดทางเทคนิคเกิดขึ้น ทำให้บริษัทต้องชดใช้ค่าเสียหายส่งผลให้มีผลขาดทุนในช่วงปี 61-62 บริษัทจึงหันมาปรับปรุงการทำงานเพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดอีกครั้ง

นายอิริยา กล่าวอีกว่า ภาพรวมของรายได้ในปี 63 จะเติบโตขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 1.16 หมื่นล้านบาท โดยจะมีการรับรู้รายได้จาก Backlog เข้ามากว่า 5 พันล้านบาท และยังมีรายได้จากธุรกิจโรงไฟฟ้าทั้งในไทยและเมียนมาเข้าผลักดันรายได้ให้เติบโตขึ้น และมั่นใจว่าผลการดำเนินงานทั้งปีจะพลิกกลับมามีกำไรหลังจากขาดทุนติดต่อกันในปี 61 และ 62

ทั้งนี้ ในปี 63 บริษัทจะมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญลดลงมาเป็น 830 ล้านบาท หลังจากปี 62 ตั้งสำรองไป 1.45 พันล้านบาท โดยสำรองที่ลดลงเพราะมีเพียงโครงการรับเหมาก่อสร้างโรงไฟฟ้า 2 โครงการในไทยที่เกิดปัญหา ซึ่งน้อยกว่าปี 62 ที่มีการตั้งสำรองในโรงไฟฟ้าที่บริษัทรับงานมา 3 โครงการ

ส่วนความคืบหน้าข้อพิพาทกรณีเหมืองเกลือ (Rock Salt Project) ใน สปป.ลาว ซึ่งบริษัทได้ฟ้องร้องคู่กรณีที่เป็นเจ้าของโครงการต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการประเทศเวียดนาม โดยคณะอนุญาโตตุลาการนัดหมายให้บริษัทและคู่กรณีมารับฟังคำไต่สวนครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 21-24 ก.ย. 63 ซึ่งบริษัทค่อนข้างมั่นใจว่าจะสามารถชนะคดีได้

โดยงานดังกล่าวมีมูลค่า 110 ดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้ขอความคุ้มครองชั่วคราวจากศาลเพื่อไม่ให้คู่กรณีซึ่งเป็นเจ้าของโครงการจำหน่ายจ่ายโอนหรือโยกย้ายสินทรัพย์ในโครงการออกไป และห้ามไม่ให้คู่กรณีโยกย้ายหรือโอนเงินในบัญชี โดยหากผลการตัดสินออกมาบริษัทชนะตามที่คาดไว้ กระบวนการบังคับคดีและการได้รับเงินชดเชยจะใช้ระยะเวลา 6 เดือน-1 ปี หลังจากคำตัดสินของอนุญาโตตุลาการ

อนึ่ง TTCL ได้รับผลกระทบจากลูกหนี้การค้าที่ค้างชำระเงินเป็นจำนวนมากจากโครงการเหมืองเกลือ (Rock Salt Project) จนเป็นเหตุให้บริษัทต้องตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวนมากถึงประมาณ 1.3 พันล้านบาทในปี 61

Back to top button