BTS กำไรลดฮวบ 50% เหลือ 443 ลบ.เซ่นผดส.หดตัว-กังวลต่อสัญญารฟฟ.สายสีเขียว

BTS กำไรลดฮวบ 50% เหลือ 443 ลบ.เซ่นผดส.หดตัว-กังวลต่อสัญญารฟฟ.สายสีเขียว


บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/63 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.63 มีกำไรสุทธิดังนี้

โดยปัจจัยที่ส่งผลให้บริษัทมีกำไรลดลง เนื่องจากการปรับตัวลดลงของธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจบริการ ซึ่งเป็นผลมาจากการแพร่ระบาด ของโควิด-19

อีกทั้งในไตรมาสนี้ยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยจำนวนเที่ยวการเดินทางในระบบรถไฟฟ้าสายหลักในช่วงไตร มาส 1 ปี 2563/64 (เมษายน – มิถุนายน 2563) จำนวน 18.5 ล้านเที่ยวคน ลดลง 69.0% จากปีก่อน และ 63.4% จากไตรมาสที่แล้ว

ด้านกำไรจากรายการที่เกิดขึ้นเป็นประจำก่อนค่าเสื่อมราคา ค่าตัดจำหน่าย ดอกเบี้ย และภาษี (Recurring EBITDA) จำนวน 1,520 ล้านบาท ลดลง 661 ล้านบาท หรือ 30.3% จากปีก่อน ปัจจัยหลักมาจากผลการดำเนินงานของธุรกิจสื่อโฆษณาที่ปรับตัวลดลง รวมถึงการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนที่เพิ่มขึ้น จากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วม ซึ่งได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19

ขณะที่ต้นทุนรวมและค่าใช้จ่ายรวมจากการดำเนินงานต่อเนื่อง สำหรับไตรมาส 1 ปี 2563/64 จำนวน 8,978 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,615 ล้านบาท หรือ 21.9% จากปี ก่อน สาเหตุหลักมาจากการรับรู้ต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการรับเหมาติดตั้งและก่อสร้างและจัดหารถไฟฟ้าโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ และ ต้นทุนงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลืองที่เพิ่มขึ้น

รวมถึงการเพิ่มขึ้นของต้นทุนการบริการและการขาย จำนวน 105 ล้านบาท ต้นทุนจากการดำเนินงานรวมเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับรายได้จากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 20.4% หรือ 1,414 ล้านบาท จากปีก่อน เป็น 8,341 ล้าน บาท ส่วนใหญ่มาจากการรับรู้ต้นทุนงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสีเหลือง และต้นทุนในการให้บริการรับเหมาติดตั้งและก่อสร้างและจัดหา รถไฟฟ้าโครงการส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้กำไรขั้นต้นจากการดำเนินงาน (operating gross profit) ปรับตัวลดลง 7.4% หรือ 111 ล้าน บาท จากปีก่อน เป็น 1,384 ล้านบาท

 

อนึ่งวานนี้ การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีการถอนเรื่องผลการเจรจาและเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งกระทรวงมหาดไทยเสนอเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ออกไปก่อน เพื่อให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีใหม่ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง 6 คน ได้พิจารณารายละเอียดและให้จัดวาระเข้าที่ประชุม ครม.อีกครั้ง

โดยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์หลังประชุม ครม. ว่า เหตุผลที่ ครม. ยังไม่มีการพิจารณาเรื่องนี้ เนื่องจากนายกฯเห็นว่าในการประชุม ครม.ครั้งนี้มีผู้ที่เพิ่งเข้ามาทำหน้าที่ใน ครม.ชุดใหม่หลายคน ต้องมีการศึกษารายละเอียดเรื่องนี้ก่อน จึงให้มีการบรรจุวาระเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.ภายหลัง

ทั้งนี้ในส่วนของสัญญาระหว่าง กทม.กับบริษัทเอกชนที่จะมีการเสนอให้ ครม.พิจารณา ครม.ไม่สามารถให้ความเห็นเพิ่มเติมอะไรได้ ทำได้เพียงแต่ตัดสินใจว่าเห็นด้วยหรือไม่ เห็นด้วย โดยเรื่องนี้มีคณะกรรมการที่ทำงานในรายละเอียดต่างๆมาก่อนหน้านี้แล้ว

Back to top button