SISB มองผลงานครึ่งปีหลังเริ่มฟื้นรับ “โควิด” คลี่คลาย จ่อรับรู้รายได้เปิดภาคเรียนช่วง Q4

SISB มองผลงานครึ่งปีหลังเริ่มฟื้นรับ "โควิด" คลี่คลาย จ่อรับรู้รายได้เปิดภาคเรียนใหม่ช่วง Q4


นายยิว ฮอค โคว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB เปิดเผยว่าภาพรวมการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 63 คาดว่าจะมีทิศทางที่ดีกว่าครึ่งปีแรก หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทยผ่อนคลายลงและมีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน ทำให้การเรียนการสอนทยอยกลับสู่ภาวะปกติ

โดยเฉพาะในไตรมาส 4/63 จะเป็นช่วงการรับรู้รายได้จากการเปิดปีการศึกษาใหม่เต็มทั้งไตรมาส ซึ่งประเมินว่าจำนวนนักเรียนน่าจะกลับเข้ามาเพิ่มขึ้น ซึ่งปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายจะเพิ่มจำนวนนักเรียนอีก 5% จากสิ้นปี 62 ที่มีจำนวนนักเรียน 2,611 คน โดย ณ สิ้นสุดไตรมาสที่ 2/63 มีจำนวนนักเรียนลดลงไปที่ 2,464 คน

ขณะเดียวกันจะเน้นการบริหารงานโดยการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุนค่าใช้จ่าย แต่ไม่มีนโยบายที่จะลดจำนวนพนักงาน เนื่องจากมองว่าบุคลากรเป็นสิ่งจำเป็นในการช่วยผลักดันองค์กรให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

“หลังจากที่ภาครัฐได้สั่งปิดโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2563 เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะนี้ได้รับอนุญาตให้เปิดโรงเรียนได้ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2563 ที่ผ่านมาโรงเรียนได้ดำเนินการเรียนการสอบแบบ Online (Home based learning) เต็มตลอดระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ทั้งนี้ในช่วงระยะเวลาการปิดโรงเรียนชั่วคราวอยู่ในระหว่างภาคการศึกษาที่ 2 และ ภาคการศึกษาที่ 3 (Term 2 and Term 3)  อย่างไรก็ตามในไตรมาส 2/63 บริษัทยังคงมีผลการดำเนินงานเป็นบวก แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากรายได้ที่ลดลงชั่วคราว”นายยิว ฮอค โคว กล่าว

สำหรับผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/63 บริษัทมีรายได้รวม 228.20 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 1/63 ซึ่งมีรายได้รวม 286.09 ล้านบาท คิดเป็นลดลง 20.2% เนื่องจากการให้ส่วนลดบนค่าธรรมเนียมการศึกษาของ Term 3 และในระหว่างนั้นทำการเรียนการสอนแบบ Online ทำให้รายได้ลดลงชั่วคราวจากค่าอาหารและค่ากิจกรรมหลังเรียน รวมถึงการลดลงของนักเรียนจำนวน 175 คน จากนักเรียนในไตรมาส 1/63 จำนวน 2,639 คน ส่วนใหญ่เป็นการลดลงชั่วคราวจากนักเรียนในระดับชั้นอนุบาลที่ไม่ประสงค์จะลงทะเบียนเรียนแบบ Online

ขณะที่ไตรมาส 2/63 บริษัทมีกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 4.26 ล้านบาท แต่หากไม่นับรวมรายการพิเศษจะมีกำไรสุทธิจำนวน 29.25 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาส 1/63 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 58.85 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 12.8% และ 20.6% ตามลำดับ

ส่วนงวด 6 เดือนแรกของปีนี้มีกำไรสุทธิ 63.12 ล้านบาท และมีรายได้รวม 514.29 ล้านบาท

ทั้งนี้ ในไตรมาส 2/62 บริษัทบันทึกรายการพิเศษ 24.99 ล้านบาท แบ่งเป็นรายการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจากเงินลงทุนในตราสารหนี้ของบริษัทที่อยู่ในธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์แห่งหนึ่ง 15.25 ล้านบาท และผลขาดทุนจากการปิดโรงเรียนสาขาเอกมัย จำนวน 9.74 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้ยุบรวมโรงเรียนสาขาเอกมัยเข้ากับโรงเรียนสาขาประชาอุทิศ หากไม่นับรวมรายการพิเศษ บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ (ก่อนรายการพิเศษ) ในงวดไตรมาส 2/63 และ งวด 6 เดือนแรกของ ปี 63 เท่ากับ 29.25 ล้านบาท และ 88.11 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับสาเหตุการเลิกกิจการของโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์เอกมัย เนื่องจากโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์กรุงเทพ (สาขาประชาอุทิศ) กับโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์เอกมัย (สาขาเอกมัย) ตั้งอยู่ในทำเลที่ใกล้กัน และในช่วงที่ผ่านมา นักเรียนมักจะเลือกเรียนที่สาขาประชาอุทิศมากกว่า โดยโรงเรียนนานาชาติสิงคโปร์เอกมัยทำการเรียนการสอนในปีการศึกษา 2562/2563 เป็นปีสุดท้าย และย้ายนักเรียนที่เหลือทั้งหมดไปยังสาขาอื่นๆ ตั้งแต่ปีการศึกษา 2563/2564 เป็นต้นไป

Back to top button