SMT วิ่งแรง 2 วันติด! ล่าสุดบวก 6% แนวโน้มผลงานครึ่งหลังโตต่อ รับออเดอร์ยาวถึงปี 64

SMT วิ่งแรง 2 วันติด! ล่าสุดบวก 6% แนวโน้มผลงานครึ่งหลังโตต่อ หลัง Q2 กำไรพุ่ง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT ล่าสุด ณ เวลา 10.22 น. อยู่ที่ระดับ 2.42 บาท ปรับตัวขึ้น 0.14 บาท หรือ 6.14% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 17.80 ล้านบาท

โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 2.28 บาท เมื่อวันที่ 18 ส.ค.2563 ขณะที่ก่อนหน้านี้บริษัทประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 2 เติบโตอย่างก้าวกระโดด

ทั้งนี้ นายพร้อมพงศ์ ไชยกุล ประธานกรรมการบริหาร SMT เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในงวดไตรมาส 2/2563 มีกำไรสุทธิ 37.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 378% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 7.76 ล้านบาท มีรายได้จากการขายสินค้าและบริการ 492.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.93 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2.70% โดยรายได้จากทุกหน่วยธุรกิจฟื้นตัวจากต้นปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะรายได้สินค้าประเภท Optics ที่มาร์จิ้นสูง ทั้งนี้ บริษัทฯได้รับผลกระทบของยอดขายจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ต่ำเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น และภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน นอกจากนั้น นายวิรัตน์ ผูกไทย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารได้กล่าวว่า

โดย ผลประกอบการออกมาเป็นที่น่าพอใจ โดยกำไรขั้นต้นในไตรมาสที่ 2 มีจำนวน 110.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.68 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 38.32% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็นผลจากยอดขาย Product mix ในผลิตภัณฑ์ซึ่งให้อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น ประกอบกับต้นทุนการดำเนินงานลดลง จากการบริหารต้นทุนภายในให้มีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับยอดการผลิต ส่งผลให้ยอดค่าใช้จ่ายรวมลดลง

สำหรับแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 ส่งสัญญาณรายได้เติบโตดีกว่าช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา จากการปรับกลยุทธ์หาลูกค้ารายใหม่เข้ามาเสริมพอร์ตอย่างต่อเนื่อง ยิ่งกว่านั้นลูกค้าปัจจุบันทั้ง IC Packaging & Wafer dicing , Optics, Advanced Packaging และ Box Build & PCBA บริษัทฯได้รับการยืนยันคำสั่งซื้อ (ออเดอร์) แล้วเกือบทั้งหมด และมีออเดอร์ยาวไปจนถึงไตรมาส 1/2564

นอกจากนี้ บริษัทฯได้มีการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการดำเนินงาน ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างมาก รวมทั้งการปรับปรุงพื้นที่ภายในโรงงานเพื่อรองรับการผลิตโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่ม จากความต้องการสินค้าอิเล็กทรอนิกส์โลกในกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม (Telecom) โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง (Hi Speed) มีแนวโน้มเติบโตอย่างมากจากการให้บริการ 5G และ Internet of Things (IoT) รวมทั้งสินค้าอิเล็กทรอนิกส์สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมและการแพทย์ เชื่อว่าจะสนับสนุนรายได้ปีนี้โต 13% ตามแผน และสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไม่น้อยกว่า 20%

“กลยุทธ์ธุรกิจปีนี้เราขยายตลาดไปยังกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์เพื่อมุ่งเน้นให้ธุรกิจในระยะยาวเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ เพื่อเตรียมความพร้อมไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น รวมถึงการสร้างศักยภาพภายในองค์กรเพื่อการขยายฐานลูกค้าไปยังตลาดใหม่ๆ” นายวิรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button