โบรกฯ แนะ “ซื้อ” NER มองครึ่งปีหลังกำไรโตเด่น รับกำลังผลิตเพิ่ม-ออเดอร์ทะลัก

โบรกฯ แนะ "ซื้อ" NER มองครึ่งปีหลังกำไรโตเด่น รับกำลังผลิตเพิ่ม-ออเดอร์ทะลัก


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หลายแห่งกำหนดคำแนะนำ “ซื้อ” บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER หลังมองมีแนวโน้มกำไรเติบโตอย่างโดดเด่น โดยคาดว่าผลดำเนินงานในครึ่งปีหลังปี 2563 จะทำได้ดีกว่าครึ่งปีแรก จากเปิดโรงงานใหม่แห่งที่ 2 เพิ่มกำลังการผลิต 60% มาพร้อมคำสั่งซื้อ หนุนกำไรเป็นขาขึ้น ขณะที่ไม่ได้เพิ่มจำนวนคนงานมากนัก ทำให้ margin เพิ่มขึ้น ปัจจุบันมียอดขายที่ทำสัญญารองรับแล้วถึงเดือน ต.ค. 2563 ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าจากจีนพร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2563 ไว้ที่ 600-780 ล้านบาท เติบโตจากปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิ 538 ล้านบาท

โดย บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น NER ราคาเป้าหมาย 5 บาทต่อหุ้น โดยมีโมเมนตัมกำไรเด่นหลังจากที่กำไรไตรมาส 2/63 ทำ New High ทำให้มองว่าช่วงครึ่งปีหลังปี 2563 จะทำได้ดีกว่าครึ่งปีแรก จากที่มีการเปิดโรงงานใหม่แห่งที่ 2 กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 60% ทำให้กำไรของ NER เป็นขาขึ้น เนื่องจากการตั้งโรงงานแห่งนี้เกิดขึ้นมาพร้อมคำสั่งซื้อที่เข้ามาด้วย โดย NER ได้ทำการล็อกออเดอร์ไปแล้วถึงเดือน ต.ค.2563 ส่วนใหญ่จะส่งออกไปยังประเทศจีน ลูกค้าของ NER อยู่ในกลุ่มยานยนต์ในส่วนของผลิตล้อรถยนต์

อย่างไรก็ดี เงินบาทอ่อนค่าจะไม่เป็นผลดีต่อ NER ซึ่งในไตรมาส 3/63 เงินบาทอ่อนค่ามาแถว 31.5 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ถือว่าไม่บวก/ลบ ซึ่ง NER ได้ป้องกันความเสี่ยงในแง่ของวัตถุดิบได้ค่อนข้างดี พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2563 ไว้ที่ 780 ล้านบาท เติบโต 45% จากปี 2563 ที่กำไรสุทธิ 538 ล้านบาท

ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ประเมินราคาเป้าหมายที่ 4.10 บาทต่อหุ้น พร้อมปรับกำไรสุทธิปี 63 ของ NER ขึ้น 28% มาอยู่ที่ 705 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบจากปีก่อน เนื่องจากกำไรปกติในครึ่งปีแรก (H1/63) คิดเป็นถึง 64% ของประมาณการทั้งปี ประกอบกับครึ่งปีหลังแนวโน้มความต้องการจากลูกค้าในจีนเริ่มปรับตัวดีขึ้น

อีกทั้งกำลังการผลิตของโรงงานใหม่จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 60%  (2.92 แสนตัน/ปี เป็น 4.65 แสนต้น/ปี  เพิ่มขึ้น 1.72 แสนต้นต่อปี) ทั้งนี้ ไตรมาส 3/63 จะใช้กำลังการผลิต 70% ของทั้งหมด และการเพิ่มกำลังการผลิตรอบนี้จำนวนคนงานไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก ต้นทุนจึงไม่เพิ่มตามกำไร ทำให้ margin จะเพิ่มขึ้น จึงปรับ gross margin จากเดิมที่ 9% เป็น 10.5%

ส่วน บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเคราะห์ มีมุมมองบวกต่อ NER หลังจากการประชุมนักวิเคราะห์ โดยแนวโน้มตั้งแต่ไตรมาส 3/63 เป็นต้นไป จะเติบโตดีต่อเนื่องเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และเมื่อเทียบจากปีก่อน โดยคาดปริมาณขายในไตรมาส 3/63 จะเติบโตสู่ 1 แสนตัน จากไตรมาสก่อนที่ 6.2 หมื่นตัน และคาดรายได้ในงวดไตรมาส 3 อาจแตะระดับ 4 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน ตามความต้องการยางในอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศจีนที่ฟื้นตัวขึ้น หลังจากสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น

โดยได้ผลบวกจาก Economies of Scale ของโรงงานใหม่ที่ดีขึ้น แต่ %GPM ในไตรมาส 3/63 อาจเติบโตเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน เนื่องจากถูกกดดันจากราคาขายยางเฉลี่ยที่ลดลง

ทั้งนี้คาดไตรมาส 4/63 เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี ตามความต้องการยางในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับราคายางขายล่วงหน้าในไตรมาส 4/63 ที่ดีขึ้น ดังนั้นในแง่ของรายได้และอัตรากำไรที่ดีขึ้นในงวดไตรมาส 4/63 จะโตดีกว่าไตรมาส 3/63 โดยทั้งปี 2563 บริษัทตั้งเป้ารายได้ราว 1.7 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% เมื่อเทียบจากปีก่อน

โดยคาด consensus มีแนวโน้มปรับประมาณการกำไรปีนี้เพิ่มขึ้นจากล่าสุด 657 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22% เมื่อเทียบจากปีก่อน  (มีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ผันผวน)

Back to top button