ไฮโซตอแหล

*จริง ๆ “โมนิก้า” ไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่อง “บ้า ๆ บอ ๆ” ของคนในตระกูลดังจอมหักหลัง เพราะมันไม่ช่วยจรรโลงจิตใจของผู้คนให้ดีขึ้น แต่กลับมีเสียงเรียกร้องให้ช่วยแฉความตอแหลของคนที่สังคมยกให้เป็นไฮโซ เพื่อป้องกันคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตกเป็นเหยื่อ เนื่องจากคารมของอาตี๋หน้าหยกมันชวนให้เคลิบเคลิ้มเสียเหลือเกิน เดี๊ยนถึงต้องออกโรงเตือน มหันตภัยกำลังคืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ นะซี


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*จริง ๆ “โมนิก้า” ไม่อยากเข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่อง “บ้า ๆ บอ ๆ” ของคนในตระกูลดังจอมหักหลัง เพราะมันไม่ช่วยจรรโลงจิตใจของผู้คนให้ดีขึ้น แต่กลับมีเสียงเรียกร้องให้ช่วยแฉความตอแหลของคนที่สังคมยกให้เป็นไฮโซ เพื่อป้องกันคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตกเป็นเหยื่อ เนื่องจากคารมของอาตี๋หน้าหยกมันชวนให้เคลิบเคลิ้มเสียเหลือเกิน เดี๊ยนถึงต้องออกโรงเตือน มหันตภัยกำลังคืบคลานเข้ามาเรื่อย ๆ นะซี

*ถามว่าเรื่องนี้มันมีที่มาที่ไปอย่างไร ? “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า ทั้งหมดเป็นผลมาจากการแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ ของไฮโซจอมตอแหลอย่าง อาตี๋ ณ. ซึ่งทำให้เกิดเหตุการณ์ฟางเส้นสุดท้ายของคนรอบข้าง หรือแม้แต่พนักงานที่ทำงานอยู่ใน WEH ก็ยังช่วยกันส่งข้อมูลของคนรักสุดแสบที่ช่วยกันสูบเงินออกไปใช้อย่างสบายใจเฉิบ ทำให้เรื่องแดงขึ้นมาอย่างที่เรา ๆ ท่าน ๆ ได้เห็นนี่แหละค่ะ

*อีกประเด็นที่หลายคนยังไม่รู้ก็คือ ในระยะเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา อาตี๋ตัวแสบได้ตกปากรับคำกับผู้ถือหุ้นรายย่อยคนอื่นว่า สามารถผลักดันหุ้น WEH เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งเป็นการโปรยยาหอมที่สัมฤทธิผลเอามาก ๆ จนทุกคนหันมาซัพพอร์ต อาตี๋ ณ. แบบสุดติ่งกระดิ่งแมวกันเลยทีเดียว ! ซึ่งรวมถึงการหยิบยืมเงินทองก็ให้กันแบบไม่อั้น ส่งผลให้ภาพของอาตี๋ดูดีขึ้นไปอีกระดับนะจะบอกให้

*ด้วยวิธีการสร้างเครดิตความน่าเชื่อถือที่เหลือล้น (มีหุ้นอยู่ในมือเป็นหมื่นล้าน แต่เป็นของคนอื่นทั้งนั้น) จึงทำให้อาตี๋และคนรักพองตัวเป็นอึ่งอ่าง และผิดคำพูดกับทุกคนที่เคยให้สัญญาไว้ จนถึงขนาดกล่าวอ้างมั่ว ๆ กับทุกคนที่เข้าไปถามไถ่ความคืบหน้าในการเอา WEH เข้าตลาดหุ้นว่า เข้าได้แน่ ! ซึ่งเป็นเรื่องที่ย้อนแย้งกับเหตุการณ์จริงที่ว่า ภัทร และ ฟินันซ่า..ต่างทยอยถอนตัวจากดีลดังกล่าว หลังจากเจอความจริงบางอย่างเข้านะจ๊ะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยที่โดนหลอกเป็นเวลานานหลายปี หมดความอดทนกับการเตะถ่วงเพื่อให้ตัวเองกับคนรักเสวยสุขบนกองเงินกองทอง แถมยังเป็นคนที่ทำให้มีคดีฟ้องร้องอีกมากกว่า 20 คดี (ค่าใช้จ่ายที่บริษัทต้องแบกให้ปีละหลายร้อยล้านบาท) จนนำไปสู่การโหวตไล่อาตี๋ออกจากกรรมการเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมกับมีเรื่องแฉออกมาเป็นชุด ๆ อีกบานตะเกียงพะยะค่ะ

*โดยเฉพาะในมุมบ้านคนรักโดนหมายเรียกในข้อหาฉ้อโกง เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดให้ทุกคนรู้ว่า คนบ้านนี้ตกอยู่ในที่นั่งลำบากแล้วจริง ๆ และครั้งนี้จะหันหน้าไปหาใครก็คงไม่ได้อีกแล้ว เพราะทุกคนเข็ดขยาดกับวีรกรรมสุดแสบที่เคยทำไว้..ไม่เว้นแต่ขรัวเฒ่า ว. ที่เป็นทนายใหญ่คอยแก้ต่างทุกมุมให้ ก็ยังโดนทีเด็ดอาตี๋ตัวดีเบี้ยวเงินกู้ (เอาหุ้นมาตึ๊งไว้ แต่ไม่มีสิทธิ์ทำอะไร เพราะมีคดีฟ้องร้องติดอยู่) เจ้าค่ะ

*ไม่เพียงเท่านี้ยังมีการกล่าวอ้างไปถึงสำนักงาน ก.ล.ต. และ ตลท. แบบมโนขั้นเทพอีกด้วย จนทำให้หน่วยงานดังกล่าวพูดติดตลกโปกฮาสุด ๆ ว่า หากวันนี้ อาตี๋ ณ. ยังอยู่ในอำนาจ ก็อย่าหวังจะได้เห็นบริษัทนี้เข้าตลาดหุ้นอีกเลย ! พร้อมกับแนะนำให้ไปจัดการเรื่องคดีที่ยาวเป็นหางว่าวให้เสร็จเสียก่อน “โมนิก้า” ถึงมองคำพูดดังกล่าวเป็นการตอกลิ่มลงตรงกลางหัวใจของอาตี๋หน้าหยกได้ตรงประเด็นสุด ๆ..อิอิอิ

*ที่สำคัญก็คือ ไม่ว่าบทสรุปเรื่องนี้จะออกมาเป็นแบบไหน ? ทุกคนก็ต้องยอมรับแบบเต็มใจกันทุกฝ่าย เพราะคิดจะเลือกเดินในทางที่เต็มไปด้วยขวากหนาม ก็ต้องแลกมาด้วยการเจ็บเนื้อเจ็บตัวกันทุกฝ่าย “โมนิก้า” ถึงอยากให้ผู้คนในแวดวงตลาดหุ้นพิจารณาเรื่องราวที่เม้าท์แตกเวลานี้ว่า เรื่องไหนที่เป็นเรื่องจริง ? เพราะเดี๊ยนอยากให้สังคมฉุกคิดก่อนจะตัดสินคนนั้นเป็นอย่างไร…หุหุหุ

*ป.ล.วันนี้ขอทิ้งท้ายกันที่บรรยากาศตลาดหุ้นสักนิดหนึ่ง เพราะสิ่งที่เกริ่นนำไว้ตั้งแต่วันก่อน ในที่สุดก็เป็นจริงเหมือนที่เม้าท์แตกไว้ “โมนิก้า” ถึงไม่ตระหนกเมื่อเห็นดัชนีทิ้งตัวลงมาปิดที่ 1,284.40 จุด ลบไป 9.08 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.60 หมื่นล้านบาท เพราะเป็นไฟต์บังคับที่นักเล่นกลุ่มสถาบันต้องผ่องของออกไปบางส่วน และต้องเพลาการซื้อเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าไงล่ะค่ะ

Back to top button