10 อันดับหุ้น SET100 ราคาพุ่ง-ทรุดแรงในรอบ 10 เดือน! พร้อมแนะ 14 หุ้น ต่ำบุ๊กน่าเก็บ!

10 อันดับหุ้น SET100 ราคาพุ่ง-ทรุดแรงในรอบ 10 เดือน! พร้อมแนะ 14 หุ้น ต่ำบุ๊กน่าเก็บ!


ดัชนีตลาดหุ้นไทย SET Index ในช่วง 10 เดือนปี 2563 ยังเป็นขาลง โดยเห็นได้จากดัชนียืนที่ระดับ 1579.84  จุด (ณ 30 ธ.ค.62) มาอยู่ที่ระดับ 1194.95 จุด (ณ 30 ต.ค.61) ลดลง 384.89 จุด หรือลดลง 34.36%

โดยในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมาภาวะตลาดมีปัจจัยลบกดดันอย่างหนัก ส่งผลให้มีการใช้มาตรการเซอร์กิตเบรกเกอร์ถึง 3 ครั้งในเดือน มี.ค.หลังดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรง เพราะเศรษฐกิจไทยและเศรษฐกิจทั่วโลกรับผลกระทบจากสงครามการค้าสหรัฐจีน และจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกยังเร่งตัวขึ้นและทำสถิติสูงสุดใหม่ ทำให้บางประเทศในยุโรปกลับมาใช้มาตรการ lockdown อีกครั้ง

นอกจากนี้ความล่าช้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ และผลการเลือกตั้งสหรัฐ รวมทั้งภายในประเทศถูกกดดันจากการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลในกลางเดือนตุลาคม ส่งผลให้ภาพรวมตลาดหุ้นไทย 10 เดือนที่ผ่านมายังเป็นขาลง

จากภาวะดังกล่าวทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นขนาดใหญ่จนราคาปรับลงแรงเกินพื้นฐานหลายตัว ดังนั้นทีมข่าว ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการสำรวจกลุ่มหุ้น SET100  ในช่วงดังกล่าวมานำเสนอ เพื่อให้เห็นทิศทางราคาหุ้นขึ้นแรงและลงแรงอย่างชัดเจน อีกทั้งเพื่อเป็นโอกาสให้นักลงทุนได้เข้าสะสมหุ้นพื้นฐานแกร่งที่ราคาปรับตัวลงแรง และต่ำกว่ามูลค่าหุ้นตามบัญชี ซึ่งการคัดเลือกกลุ่มหุ้นดังกล่าว ได้ใช้ข้อมูลราคาหุ้น ณ วันที่ 30 ธ.ค.62-30 ต.ค.63 ตามตารารางประกอบดังนี้

สำหรับกลุ่มแรกจะนำเสนอเป็นราคาหุ้น SET100 ปรับตัวขึ้นแรงสูงสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ STA,RBF,TQM,JMT, KCE,COM7,RS,SUPER,DOHOME และMEGAตามตารารางประกอบดังนี้

โดยอันดับ 1 คือ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน)  หรือ STA โดยราคาหุ้นในช่วง 10 เดือนปี 2563 ปรับตัวขึ้น 257.50% จากระดับ 10.00 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.62 มาอยู่ที่ระดับ 35.75 บาท ณ วันที่ 30 ต.ค.63

ทั้งนี้ราคาหุ้นทะยานแรงเป็นผลมาจากแนวโน้มธุรกิจได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลให้ธุรกิจที่ผลิตถุงมือยางได้ประโยชน์( โดยเฉพาะบริษัทลูก STGT ซึ่งดำเนินธุรกิจถุงมือยาง) อีกทั้งราคายางฟื้นตัวเด่นเป็นบวกต่อธุรกิจ ขณะเดียวกันนักวิเคราะห์มองว่ากำไรปีนี้และปีหน้าจะเติบโตเด่น และออกมาปรับประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้ารวมทั้งราคาเป้าหมายทำให้นักลงทุนเข้ามาไล่ซื้อหุ้นในช่วงดังกล่าว

อย่างไรก็ตามล่าสุดภาวะตลาดหุ้นไทย ปรับขึ้นอย่างร้อนแรง เพื่อตอบรับผลการทดลองวัคซีนโควิด-19 ได้ผลมากกว่า 90%  ดังนั้นหุ้นที่เคยได้ประโยชน์จากโควิด-19 จะได้รับจิตวิทยาทางลบ เช่น ถุงมือยางคือ STGT และผู้ผลิตยางพารา คือ STA และ NER เป็นต้น ทำให้ช่วงนี้ราคาหุ้นกลุ่มดังกล่าวปรับตัวลดลง

โดยบล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ข่าวดีพัฒนาการเชิงบวกทางด้านวัคซีนของ Pfizer ที่ประเมินว่ามีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้ถึง 90% กลุ่มที่อาจได้รับ Sentiment เชิงลบระยะสั้น ได้แก่ กลุ่มที่เคยได้ประโยชน์ก่อนหน้านี้อย่างเช่น ถุงมือยางหรือ STGT เป็นต้น

ด้านกลุ่มหุ้น SET100 ราคาปรับตัวลงแรงมากสุด 10 อันดับแรก ได้แก่ MINT,TMB,TOP,SPRC,AWC,KBANK, EGCO,MAJOR,TCAP,JAS ตามตารารางประกอบ โดยหุ้นส่วนใหญ่ราคาร่วงหนักได้แก่ หุ้นท่องเที่ยว,โรงแรม ,พลังงาน และแบงก์ ซึ่งถือเป็นหุ้นที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 เป็นหลัก

โดยอันดับ 1 ราคาปรับตัวลงแรงคือ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT โดยราคาหุ้นในช่วง 10 เดือนปี 2563 ปรับตัวลดลง 53.61% จากระดับ 36.00บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.62 มาอยู่ที่ระดับ 16.70 บาท ณ วันที่ 30 ต.ค.63 อย่างไรก็ตามล่าสุดกลุ่มหุ้นดังกล่าวเริ่มฟื้นตัวแรงรับผลดีการทดสอบวัคซีนโควิด-19 ได้ผลมากกว่า 90%

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า ผลการทดลองพัฒนาวัคซีนมีประสิทธิภาพมากกว่า 90% โดยตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นแรงเป็นผลจากตลาดบ้านเราอิงท่องเที่ยวมาก ทำให้กลุ่มท่องเที่ยว,โรงแรม,สายการบิน ปรับขึ้นได้ หลังจากที่ราคาร่วงหนักในช่วงที่ผ่านมา

ด้านกลุ่มหุ้น SET100 ราคาต่ำกว่ามูลค่าหุ้นตามบัญชีมีทั้งหมด 14 ตัว ได้แก่ SIRI,AAV,STA,KTB,BBL,PSH,BANPU, TCAP,IRPC,PTTGC,KBANK,BCP,AP  และ SUPER   

อย่างไรก็ตามช่วงนี้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสคาดปรับตัวขึ้นทดสอบระดับ 1,355-1,360 จุด เนื่องจากได้แรงหนุนจาก Fund flow ต่างชาติที่ไหลเข้าในกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากวัคซีนต้านไวรัส Covid-19  และความคาดหวังการค้าโลกฟื้นตัวขึ้น รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ขึ้นยืนเหนือ 40 US/Barrel ได้ กลุ่มหุ้นดังกล่าวน่าจะเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในระยะนี้

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button