BTS ซื้อบิ๊กล็อต YGG เข้าพอร์ต 6.75% พร้อมเก็บ AU สัดส่วน 8.1% สยายปีกร่วมธุรกิจใหม่

BTS ซื้อบิ๊กล็อต YGG เข้าพอร์ต 6.75% พร้อมเก็บ AU สัดส่วน 8.1% สยายปีกร่วมธุรกิจใหม่


สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แจ้งว่าเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2563 บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS ได้มาซึ่งหลักทรัพย์บริษัท อิ๊กดราซิล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ YGG จำนวน 6.75% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลมีจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา คิดเป็น 6.75% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

ทั้งนี้ นายธนัช จุวิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร YGG เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ถึงกรณีที่ BTS เข้ามาซื้อหุ้น YGG และขึ้นเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 3 ถือหุ้น 6.75% ดังกล่าว ว่า  ต้องขอขอบคุณในความมั่นใจของ BTS ที่มีต่อ YGG ซึ่งดำเนินธุรกิจ 3 กลุ่มหลัก คือ 1.ธุรกิจออกแบบและผลิตงานโฆษณาและภาพยนตร์ (Visual Effects-VFX) 2.ธุรกิจงานภาพยนตร์แอนิเมชัน (Animation Movie) และ 3.ธุรกิจงานผลิตและรับจ้างผลิตเกม (Game & Production) ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมมีการเติบโตที่ดีมากและต่อเนื่อง รวมถึงล่าสุดยังได้พัฒนาเกม Home Sweet Home Survival เป็นลิขสิทธิ์ตัวเอง 100% อีกด้วย และจะมีการผลิตสื่อใหม่ ๆ มากขึ้น

โดย ปัจจุบัน Visual Effects-VFX  ทาง YGG ถือเป็นผู้นำในงานออกแบบ สร้างสรรค์งานตัดแต่งภาพเคลื่อนไหว และเทคนิคพิเศษอันดับ 1 ของประเทศไทย โดยให้บริการครอบคลุมงานทั่วไป และสร้างสรรค์ภาพ ตัวละคร และคอมพิวเตอร์กราฟิก ด้วยการนำเทคนิคพิเศษเข้ามาช่วย ซึ่งความเชี่ยวชาญและความสามารถของ YGG ดังกล่าวข้างต้นจะเข้ามาช่วยเติมเต็มสื่อออฟไลน์ และออนไลน์ของทาง BTS หรือพันธมิตรในเครืออย่างบริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ด้วยเทคนิคใหม่ ๆ เชื่อว่าสื่อโฆษณาหลังจากนี้จะเรียก หรือดึงดูดความสนใจของประชาชนได้เป็นกระแสที่ดีมาก

ขณะนี้เบื้องต้น YGG และ BTS มีการเริ่มทำงานร่วมกันมาบ้างแล้ว โดยนับตั้งแต่ในปี 2564 จะได้เห็นผลงานร่วมกันทยอยออกสู่สายตาประชาชนมากขึ้น โดยเฉพาะเกม Home Sweet Home Survival ที่บริษัทมีการพัฒนาลงในเกมคอมพิวเตอร์ (Personal Computer) เกมมือถือ หรือในอนาคตอาจพัฒนาเป็นเกมในระบบสภาพแวดล้อมเสมือนจริง (Virtual reality: VR)  ซึ่งจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในไตรมาส 1/2564  ที่จะมีส่วนเชื่อมโยงกับการบริการแรบบิท–Rabbit และ LINE รวมถึงพื้นที่โฆษณา หรืออื่น ๆ อีกมากมาย เป็นต้น

ดังนั้น แน่นอนว่าการเข้ามามีบทบาทของ BTS เป็นโอกาสที่ทาง YGG จะได้โชว์ของ และสิ่งใหม่ ๆ ที่คนไทยยังไม่เคยเห็น รวมไปถึงโอกาสในการสร้างมีเดียรูปแบบใหม่มากขึ้น และมีจำนวนมากขึ้น ขณะเดียวกันมองว่าผลงานจะดึงดูดลูกค้าในประเทศไทยเข้ามาใช้บริการ YGG มากขึ้น และเบื้องต้นประเมินว่าจะเข้ามาเยอะพอสมควร ซึ่งจะช่วยให้สนับสนุนการเติบโตของรายได้ของบริษัทได้เป็นอย่างดี

โดย BTS  ถือเป็นบริษัทขนาดใหญ่ และมีความน่าเชื่อถือ ส่วนทาง YGG เองก็เป็นผู้นำอันดับต้น ๆ ระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (South East Asia) ด้านการผลิตสื่อดิจิทัล และเกม ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ ซึ่งช่วยเพิ่มคุณภาพความสมจริง และสามารถผลิตได้ด้วยราคาสมเหตุสมผล

นอกจากนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาร่วมงานกับบริษัทอื่น ๆ นอกเหนือจากเครือ BTS โดยเป็นพาร์ตเนอร์ที่สามารถเข้ามาเสริมการเติบโตซึ่งกันและกันได้ บริษัทสามารถโชว์ผลงานหรือแสดงศักยภาพได้อย่างเต็มที่ แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ในตอนนี้

นอกจากนี้ในวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา BTS ยังได้มาซึ่งหลักทรัพย์บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน) หรือ AU จำนวน 8.0919% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ ส่งผลมีจำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา คิดเป็น 8.0919% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ

ทั้งนี้ AU แจ้งว่า ตามที่ปรากฎในรายการซื้อขายหุ้น AU ผ่านระบบการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์บนกระดานรายใหญ่ (Big Lot Board) จำนวนรวม 66  ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 8.1% นั้น เป็นการขายของนางสาวกุลพัชร์ กนกวัฒนาวรรณ และนายแม่ทัพ ต.สุวรรณ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท ให้กับบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสในการผนึกกำลัง และขยายเครือข่ายงานต่อไปในอนาคตของทั้งสองฝ่าย

อย่างไรก็ตามการขายหุ้นของบริษัทในครั้งนี้ ไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างการจัดการและนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยภายหลังการขายหุ้นครั้งนี้นางสาวกุลพัชร์ คงเหลือถือหุ้นใน AU สัดส่วน 27.79% จากเดิม 31.84% และ นายแม่ทัพ ต.สุวรรณ ถือหุ้น 25.35% จากเดิม 29.40%

Back to top button