1,500 ครั้งที่ 2 รอบเดือนครึ่ง

*หากมองสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ “กองทุน” กับ “ต่างชาติ” รวมกันดันหุ้นแบบสุดลิ่มทิ่มประตู บรรยากาศการลงทุนก็จะวิบวับด้วยแสงสีเขียวๆ ละลานตา“โมนิก้า” ถึงต้องเท้าความย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในอดีตที่เคยเกิดขึ้น เพื่อใช้เป็นตัวช่วยประกอบการลงทุน จึงขอเม้าท์ถึงประเด็นนี้มากเป็นพิเศษในช่วงที่นักเล่นสถาบันกำลังจัดเต็มหุ้นบลูชิพนะจะบอกให้


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*หากมองสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ “กองทุน” กับ “ต่างชาติ” รวมกันดันหุ้นแบบสุดลิ่มทิ่มประตู บรรยากาศการลงทุนก็จะวิบวับด้วยแสงสีเขียวๆ ละลานตา“โมนิก้า” ถึงต้องเท้าความย้อนกลับไปยังเหตุการณ์ในอดีตที่เคยเกิดขึ้น เพื่อใช้เป็นตัวช่วยประกอบการลงทุน จึงขอเม้าท์ถึงประเด็นนี้มากเป็นพิเศษในช่วงที่นักเล่นสถาบันกำลังจัดเต็มหุ้นบลูชิพนะจะบอกให้

*โดยเฉพาะในจังหวะที่ดัชนีขึ้นมายืนปิดที่1,516.43จุด บวกไป 19.82 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9.42 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการขึ้นมายืนเหนือ 1,500จุดเป็นครั้งที่ 2ในรอบเดือนครึ่ง ล้วนเป็นช็อตที่ทำให้เชื่อว่า ดัชนีจะวิ่งขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ1,550 จุดในไม่ช้าเพราะโมเมนตัมในเที่ยวนี้เหมือนโมเมนตัมครั้งก่อนทุกกระเบียดนิ้ว จึงต้องย้ำหัวหมุดเรื่องนี้อีกสักรอบไงหล่ะค่ะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ไม่มีความจำเป็นต้องทำตัวเป็น “ไอ้เข้ขวางคลอง” เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเที่ยวนี้เป็นเรื่องของมันนี่เกม โดยใช้ประเด็นของ “วัคซีน พาสปอร์ต” เป็นตัวบิ้วท์อารมณ์ ซึ่งทำให้ผู้คนจินตนาการไปไกลถึงขั้นที่ว่า เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ และหุ้นกลุ่มแรกที่จะมาเป็นผู้นำตลาดก็คือ “แบงก์”ตามติดมาด้วยหุ้น “ท่องเที่ยว” และที่ขาดไม่ได้เลยคงเป็นในรายของ “พลังงาน” พะยะค่ะ

*วันนี้ไม่ต้องถามว่า ดัชนีจะไปได้ไกลแค่ไหน? แต่ควรจะถามว่า พวกกองทุนจะเคาะขวายาวแค่ไหน?เพราะข้อมูลที่ “โมนิก้า” ได้ยินได้ฟังในช่วงหลังเป็นเรื่องเกี่ยวกับความเชื่อที่ว่า ทุกอย่างกำลังดีขึ้น?ซึ่งเอาเข้าจริงๆ ก็เป็นเพียงการ “พักหนี้ ยืดหนี้ ลดดอก” ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ถูกนำมาใช้เมื่อเกิดวิกฤตทางเศรษฐกิจเป็นประจำ(ผ่อนหนักเป็นเบา) แต่ตลาดหุ้นไทยดันเด้งรับแรงเกินไปก็เท่านั้นเองจ้า!

*เหมือนกับการทำ new highของแบงก์สีเขียว KBANKในรอบ 1 ปี 1 เดือน ด้วยการยืนปิดที่ระดับ 147 บาท บวกไป 9 บาท หรือขึ้นไป 6.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.31 พันล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นเกมดันหุ้นเพื่อขึ้นไปสร้างฐานบริเวณ 140 บาท ต่อจากนั้นจะซัดกันอีกสามสี่รอบก็ไม่มีใครขวาง เพราะในระหว่างทางจะมีการเม้าท์ถึงผลงานไตรมาส 1 น่าจะแจ่มแมวสุดๆ พวกมือไวถึงซัดกันหนุบหนับเจ้าค่ะ

*หากมองในมุมเดียวกันจะเห็นว่า แบงก์ตราดอกบัว BBLมีแก๊ปให้วิ่งเยอะกว่าอย่างแน่นอน(แต่ไม่เร้าใจ) เพราะในมุมของกำไรต่อหุ้นก็อยู่ในระดับที่ใกล้เคียง ส่วนในมุมของค่าพีอีก็ต่ำกว่าเห็นๆ “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 129.50 บาท บวกไป 6.50 บาท หรือขึ้นไป 5.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.58 พันล้านบาท  มันน่าสนใจกว่ารายแรกเห็นๆ นะจ๊ะ

*ยิ่งมองในมุมของแบงก์ตราใบโพธิ์ SCBเทียบกับรายแรกด้วยแล้ว ทำให้เดี๊ยนอยากเม้าท์ถึงหุ้นตัวนี้มากกว่ารายแรกในทันที เพราะเมื่อดูจากอัพไซด์ของราคาหุ้นในกระดานที่มีอยู่เยอะ พิจารณารวมกับค่า PBVที่ระดับ 0.90 เท่า ล้วนเป็นประเด็นที่ทำให้เดี๊ยนรู้สึกดีใจที่เห็นราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาปิด 106 บาท บวกไป 6.50 บาท หรือขึ้นไป 6.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.67 พันล้านบาท เพราะมันเป็นเรื่องที่ถูกต้องไงหล่ะค่ะ

*ส่วนรายที่ต้องเดิมพันกันหน่อยอย่างน้องมิ้น MINTกลายเป็นจุดที่นักเล่นต้องเดาทางให้ออกตั้งแต่เนิ่นๆ เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 30 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 7.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.60 พันล้านบาท มันเป็นการขึ้นทั้งที่ผลงานในแต่ละไตรมาสต้องลุ้นหนัก บวกกับเที่ยวก่อนก็มาจบรอบตรงบริเวณนี้เสียด้วย เดี๊ยนถึงอยากให้แฟนคลับใส่ใจรายละเอียดตรงนี้อีกสักนิดหนึ่งเจ้าค่ะ

*เหมือนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับ PTTอย่างไร..อย่างนั้นเลย! เพราะของมันเห็นกันทนโท่ว่า ราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวในระดับสูง หุ้นก็ควรไต่เพดานสูงขึ้นไปได้เรื่อยๆ หรือมองในมุมของแวลูที่จะเพิ่มขึ้นจากหุ้นลูก ORเข้าเทรดในเร็วๆ นี้ “โมนิก้า” ถึงมองการยืนปิดที่ระดับ 40.25 บาท บวกไป 1.25 บาท หรือขึ้นไป 3.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.16 พันล้านบาท น่าจะเป็นบันไดอีกขั้นที่จะทำให้หุ้นวิ่งขึ้นไปหายอดเดิมบริเวณ 45 บาทนะนายจ๋า!

Back to top button