TASCO ปิดเช้าบวก 3% เสี่ยงถูกขายทำกำไร หลังวิ่งทะลุเป้า 21 บ.

TASCO ราคาหุ้นปิดตลาดฯภาคเช้าบวก 3% เสี่ยงถูกขายทำกำไร หลังวิ่งทะลุเป้าสูงสุด 21 บ.


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 22 บาท ปรับตัวขึ้น 0.70 บาท หรือ 3.29% สูงสุดที่ระดับ 22.30 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 21.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.91 พันล้านบาท

ทั้งนี้ราคาหุ้น TASCO เป็นขาขึ้นนับตั้งแต่ประกาศผลการดำเนินงานปี 2563 ออกมามีกำไรสุทธิ 3.59 พันล้านบาท ปรับตัวขึ้น 15% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน สวนภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่ชะลอตัวจากการระบาดของโควิด-19

ด้าน บล.ทิสโก้ แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 19 บาท/หุ้น หลังกำไรสุทธิไตรมาส 4/2563 อยู่ที่ 806 ลบ. เพิ่มขึ้น 25.8% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อนแต่ลดลง 56.7% จากไตรมาสก่อน หากไม่รวมรายการพิเศษเช่น ค่าชดเชยจากประกันที่ 110 ลบ. จะมีกำไรที่ปรับเป็นปกติแล้ว 701 ลบ. เพิ่มขึ้น 33.8% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน แต่ลดลง 60.5% จากไตรมาสก่อน การเติบโตจากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน มาจากกำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น จาก 10.6% เป็น 19.2% เนื่องจาก spread กว้างขึ้น ผลจากไตรมาสก่อน ที่อ่อนแอมาจากกำไรขั้นต้นที่ลดลงจากระดับสูงผิดปกติ (29.9%) ในช่วงไตรมาส 3/2563 ซึ่งเป็นช่วงที่ TASCO ได้รับประโยชน์จากกำไรสต็อกน้ำมันดิบที่ซื้อในปี 2563 กำไรจากธุรกิจหลักต่ำกว่าการประเมินของเราที่ 757 ลบ. เล็กน้อย เนื่องจากยอดขายที่น้อยกว่าคาด (-38% จากช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน และ -31% จากไตรมาสก่อน) แต่กำไรขั้นต้นสูงกว่าการประเมิน กำไรสุทธิต่ำกว่าคาดเนื่องจากค่าชดเชยจากประกันที่ 110 ลบ. ต่ำกว่าการประเมินที่ 179 ลบ.

ทั้งนี้คาดว่า กำไรจะยังคงดีต่อถึงไตรมาส 2/2564 กำไรระยะยาวขึ้นอยู่กับแหล่งน้ำมันดิบใหม่เนื่องจากราคา asphalt ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 15% นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน รวมกับคลังน้ำมันดิบของ TASCO ที่จะมีเพียงพอจนถึงไตรมาส 2 มองว่ากำไรจะยังคงดีต่อจนถึงไตรมาส 2/2564 แนวโน้มระยะยาวขึ้นอยู่กับความสามารถในการหาแหล่งน้ำมันดิบใหม่ที่ราคาแข่งขันในตลาดได้ ซึ่งในการประชุมครั้งล่าสุด TASCO ได้ให้ข้อมูลว่าปัจจุบันพบแหล่งน้ำมันใหม่แล้ว แต่แหล่งน้ำมันดังกล่าวมี ต้นทุนสูงกว่าแหล่งเวเนซุเอลาอย่างต่ำ 20% อีกทั้งแหล่งน้ำมันดิบใหม่ยังสามารถผลิตยางมะตอยได้ต่ำกว่าแหล่งเก่า (50 – 60% vs. 71-74%) อย่างไรก็ดียังถือเป็นระดับที่สามารถสร้างกำไรให้  TASCO ได้

โดยปรับประเมิน 2564-2565 เล็กน้อย (เพิ่มกำไรขึ้น  4.6% และ 3.8%) เพื่อสะท้อนผลไตรมาส 4ทำให้มูลค่าเหมาะสมจาก  PER 2021F 17x (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปี) เพิ่มขึ้นจาก 18 บาท เป็น 19 บาท เนื่องจากมีอัพไซด์จำกัด จึงยังคงแนะนำ ถือ ด้วยมูลค่าเหมาะสมที่ 19 บาทปัจจัยเสี่ยงได้แก่ ผลการหาแหล่งน้ำมันดิบใหม่, ราคา asphalt และ spread

ขณะที่บล.ยูโอบี เคย์เฮียน แนะถือ ราคาเป้าหมาย 21 บาท และราคาเป้าหมายเฉลี่ยจาก IAA Consensus ที่ระดับ 19.98 บาท

Back to top button