กองทุน-ฝรั่ง ดัมพ์หนัก

*ในที่สุดตลาดหุ้นไทยก็เลือกหนทางลงไปตั้งหลัก เพื่อรอปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้นความเชื่อมั่นรอบใหม่ ผนวกกับท่าทีของ “กองทุน” กับ “ฝรั่ง” ต้องการโยกเงินไปพักไว้ที่ตลาด “บอนด์” ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ในโมเมนตัมของการเซ็ทเกมอีกครั้ง “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่ตลาดหุ้นไทยโดนจัดหนักตั้งแต่ต้นสัปดาห์ เพราะกระแสส่วนใหญ่ลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า “ขายก่อน..เซฟกว่า” นะจะบอกให้


เจาะกระดาน : โมนิก้าและทีมงาน

*ในที่สุดตลาดหุ้นไทยก็เลือกหนทางลงไปตั้งหลัก เพื่อรอปัจจัยบวกเข้ามากระตุ้นความเชื่อมั่นรอบใหม่ ผนวกกับท่าทีของ “กองทุน” กับ “ฝรั่ง” ต้องการโยกเงินไปพักไว้ที่ตลาด “บอนด์” ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกอยู่ในโมเมนตัมของการเซ็ทเกมอีกครั้ง “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่ตลาดหุ้นไทยโดนจัดหนักตั้งแต่ต้นสัปดาห์ เพราะกระแสส่วนใหญ่ลงความเห็นไปในทางเดียวกันว่า “ขายก่อน..เซฟกว่า” นะจะบอกให้

*ประเด็นดังกล่าวทำให้กูรูหลายรายมองเหมือนกันว่า วันนี้ต้องหันมามองแนวรับสำคัญทางจิตวิทยาบริเวณ 1,450 จุด ยังทำหน้าที่ประคองตลาดหุ้นไทยได้ดีขนาดไหน? บวกกับแรงขายของหุ้นบางตัวที่ปรากฏให้เห็นวานนี้ มีประเด็นของการถูกจับ “ฟอร์ซเซล” มีให้เห็นประปราย จึงทำให้เชื่อว่า หุ้นต้องใช้เวลาเลียแผลใจอีกสักระยะหนึ่ง ทุกอย่างถึงจะเริ่มดูดีขึ้นเป็นลำดับนะคะ

*ฉะนั้นการที่ดัชนีลงมายืนปิดที่ระดับ 1,478.14 จุด ลบไป 22.37 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8,389 หมื่นล้านบาท ย่อมเป็นวิถีปกติของตลาดหุ้นที่มักวิ่งตามก้นคนอื่น “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับแยกประเด็นที่เกิดขึ้นออกจากกันให้ชัดเจนตั้งแต่ต้น ทั้งในส่วนของปัจจัย “พื้นฐาน” และสัญญาณ “เทคนิค” รวมถึงประเด็นของ “ฟันด์โฟลว์” ซึ่งกลายเป็นปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการขยับตัวของตลาดหุ้นไทยมากเหลือเกินเจ้าค่ะ

*เหมือนกับในรายของ CBG ถูกเก็งว่า กำไรจะออกมาสวย แต่เอาเข้าจริงกลับต่ำคาด รวมทั้งการขึ้นมายืนที่บริเวณ 140-150 บาท ก็เป็นอะไรที่เว่อร์เกินในมุมสายพื้นฐาน เพราะระดับราคาดังกล่าวเป็นการเทรดบน P/E 40 กว่าเท่า! จึงกลายเป็นช็อตที่บังคับให้กองทุนต้องทิ้งหุ้นออกไปก่อน วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นลงมากองอยู่ที่ระดับ 132.50 บาท ลบไป 6 บาท หรือลงไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.10 พันล้านบาทไงล่ะคะ

*คล้ายกับกรณีของเถ้าแก่มั่ว TKN โดนบังคับขายตั้งแต่เปิดตลาด จนราคาหุ้นทรุดลงมาทำจุดต่ำสุดที่บริเวณ 7.85 บาท ก่อนจะเด้งกลับขึ้นมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายปิดไปที่ระดับ 10.10 บาท ลบไป 1.10 บาท หรือลงไป 9.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 993 ล้านบาท ล้วนมาจากความผิดหวังดีลไม่ดัน (ก่อนหน้านี้ปล่อยข่าวกันหนักมาก) ผสานกับตัวธุรกิจเดินมาถึงทางตันที่จะทำให้กำไรโต วันนี้ถึงได้แต่เคาะกัน “เปาะ ๆ แปะ ๆ” นะตัวเอง

*อีกหนึ่งรายที่อยู่ในข่ายโดนขายแบบงง ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น PTG เป็นรายถัดไปในทันที เพราะเมื่อดูจากการเทคตัวขึ้นไปทดสอบยอดเดิมบริเวณ 20 บาทเป็นครั้งที่ 5 แต่สุดท้ายผ่านไปไม่ได้ และย่อตัวลงเบา ๆ ตามประสาหุ้นทรงสวย ก็คงไม่มีประเด็นอะไรที่ต้องกังวล แต่ทันทีที่โดนทุบพรวดเดียวลงมาปิดที่ 18.30 บาท ลบไป 1.20 บาท หรือลงไป 6.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.57 พันล้านบาท อาการชักเกร็งก็มาหมดเลยคุณแม่!

*ขนาดหุ้นที่ทำทรงมาดีอย่าง RBF ยังติดอยู่ในข่ายโดน “ฟอร์ซเซล” กับเขาด้วยคนแบบนี้ “โมนิก้า” บอกได้ทันทีว่า เกมวันนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว? เพราะทันทีที่มีแรงซื้อดันกลับขึ้นจากจุดต่ำสุดบริเวณ 11 บาท จนสุดท้ายยืนปิดที่ 14.10 บาท บวกไป 0.40 บาท หรือขึ้นไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 391 ล้านบาท มันหมายความว่า กระบวนการเขย่าหุ้นเสร็จสิ้นลงไปแล้ว และกำลังเริ่มเกมใหม่แล้วนะออเจ้า!

*ส่วนการคัมแบ็กของหุ้นเดินเรือ PSL ถือเป็นช็อตปลุกความหวังแก่นักเล่นทั่วสารทิศ โดยเฉพาะในมุมของผลงานในไตรมาส 4 ที่เริ่มแสดงกำไรให้เห็นอย่างชัดเจน ทำให้สายเบิร์นมองตัวเลขกำไรปี 2564 มาดีแน่! วานนี้ถึงเห็นหุ้นบวกสวนภาวะแดงแป๊ดขึ้นมาปิดที่ 10.40 บาท บวกไป 0.85 บาท หรือขึ้นไป 8.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 882 ล้านบาท กลายเป็นจังหวะที่ทำให้ขาลุยฟินกันยาว ๆ นะจ๊ะ

*ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเชื่อมโยงเรื่องดังกล่าวไปที่น้องน้ำตาล KSL เพื่อชี้ให้เห็นสตอรี่ “เทิร์นอะราวด์” กำลังเป็นที่เม้าท์ถึงเยอะเหลือเกิน และการวิ่งขึ้นมาปิดที่ 3.26 บาท บวกไป 0.26 บาท หรือขึ้นไป 8.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 124 ล้านบาท พร้อมกับทำ new high ในรอบ 2 ปี มันน่าจะมีอะไรพิเศษมากกว่าที่เม้าท์ถึงอย่างแน่นอน..เชื่อสายข่าวดาร์ก ๆ ไหมล่ะคุณพี่!

Back to top button