SABINA มั่นใจรายได้ปีนี้สดใส รับยอดขายออนไลน์-ตลาดเวียดนามโต ลุ้นวัคซีนหนุนแรงซื้อเพิ่ม

SABINA มั่นใจรายได้ปีนี้สดใส รับยอดขายออนไลน์-ตลาดเวียดนามโต ลุ้นวัคซีนหนุนแรงซื้อเพิ่ม


นายบุญชัย ปัณฑุรอัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) หรือ SABINA  เปิดเผยว่า บริษัทฯคาดว่ารายได้ในปีนี้จะเติบโตกว่าปี 2562 ที่มีรายได้ 3,295 ล้านบาท หลังยอดขายออนไลน์ (NSR : Non Store Retailing) ไตรมาสแรกเติบโตขึ้น 45.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากการทำโปรโมชั่นดึงดูดความสนใจลูกค้าและมีพนักงานที่มีความสามารถในการทำตลาด E-commerce รวมไปถึงความกังวลของผู้บริโภคที่ไม่ต้องการออกไปจับจ่ายใช้สอยนอกบ้านในสถานการณ์แพร่ระบาดโควิด-19 นี้ ประกอบกับการเติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดเวียดนาม ซึ่งเป็นประเทศที่มีการจัดการโควิด-19 ได้ดี ทำให้เกิดการซื้อขายมากขึ้น

อีกทั้งยังมีลูกค้ากลุ่มเด็กและวัยรุ่นค่อนข้างสูง ส่งผลให้เวียดนามจะเป็นตลาดสำคัญต่อไปในอนาคต ซึ่งจะสามารถช่วยเพิ่มยอดขายในกลุ่มประเทศ CLMV ได้ และออร์เดอร์ OEM จากลูกค้าต่างประเทศที่จะทยอยเข้ามา ส่วนมากเป็นลูกค้าจากประเทศอังกฤษ ซึ่งปัจจุบันมีออร์เดอร์ OEM เข้ามาถึงเดือนก.ย.แล้ว และคาดว่าจะเพิ่มเข้ามาอีกทั้งตลาดยุโรป และ ตลาดสหรัฐอเมริกา เนื่องจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่มากขึ้น หลังจากการกระจายการฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็ว

รวมถึงยังมีการร่วมมือกับพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อออกโปรโมชั่นและสินค้าที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นการร่วมมือกับบริษัท อาคเนย์ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ทำแคมเปญซื้อชุดชั้นในแถมประกันภัยโควิด-19 และเพิ่มความคุ้มครองด้วยประกันแพ้วัคซีนหรือผลกระทบจากการรับวัคซีน และการร่วมมือกับ Peppermint Field ออกผลิตภัณฑ์หน้ากากอนามัย และ Mask Drop ซึ่งจะเพิ่มความสดชื่นให้กับลูกค้าภายใต้ยุคโควิด-19

นอกจากนี้ยังร่วมมือกับทาง Havaianas ออกคอลเลคชั่นในช่วง Summer ร่วมกัน และทางบริษัทเองยังมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่เป็น แผ่นปิดหน้าอก ตอบโจทย์สำหรับกลุ่มลูกค้าที่กำลัง Work From Home ซึ่งในทุกโปรโมชั่นและสินค้าที่ออกมาได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และในอนาคตยังมีการร่วมงานกับทางพาร์ทเนอร์อื่น ๆ อีกมากมายซึ่งคาดว่าจะสร้างยอดขายให้กับทางบริษัทได้

อีกทั้งยังมีการปรับกลยุทธ์การขายแบบออฟไลน์ โดยการเข้าหาลูกค้ามากขึ้น โดยเข้าไปเปิดร้านป๊อปอัพตามแหล่งชุมชนที่มีการจับจ่ายใช้สอย ผ่านการกระตุ้นจากโครงการภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็น คนละครึ่ง ไทยชนะ เป็นต้น โดยทางบริษัทจะเน้นไปในจังหวัดที่มีการแพร่ระบาดน้อยก่อน เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน

“ในไตรมาส 1/64 ที่ผ่านมาแม้รายได้จะลดลงเมื่อเทียบกับช่วงปีก่อน แต่บริษัทฯ ยังคงมีความสามารถในการทำกำไรเพิ่มขึ้นจากปีก่อนได้ถึง 11.3% อย่างไรก็ตามคาดว่าช่วงครึ่งหลังของปี หรือในไตรมาสที่ 3 และ 4 จะดีขึ้นหลังจากนำเข้าวัคซีนและการลดมาตรการผ่อนปรนของภาครัฐ ซึ่งจะช่วยคลายความกังวลแก่ผู้บริโภคให้กลับมาจับจ่ายใช้สอย ส่งผลให้รายได้ในปีนี้จะสามารถเติบโตกว่าในปี 62 ได้”

Back to top button