SA ติดโผ FTSE Micro Cap ลุ้นฟันด์โฟลว์ไหลเข้า ตั้งเป้าปีนี้กวาดรายได้ 4.8 พันลบ.

SA ติดโผ FTSE Micro Cap มีผล 18 มิ.ย.64 มั่นใจเพิ่มความเชื่อมั่นนักลงทุน ลุ้นฟันด์โฟลว์ไหลเข้า -ตั้งเป้าปีนี้รายได้ 4.8 พันลบ. ลุยเปิด 4 โครงการใหม่ มูลค่ากว่าหมื่นลบ. ตุน Backlog แน่น 6.4 พันลบ. ทยอยรับรู้รายได้ยาว 3 ปี


บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ได้รับการคัดเลือกเข้าคำนวณดัชนีระดับสากล FTSE SET Index จากดัชนีฟุตซี่ (FTSE Russell) ซึ่งร่วมกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีการประกาศผลการทบทวนรายชื่อหลักทรัพย์ชุดใหม่ที่จะใช้ในการคำนวณ ซึ่ง SA จัดอยู่ในกลุ่ม FTSE Micro Cap มีผลบังคับใช้หลังราคาปิดของวันที่ 18 มิถุนายน 2564 เป็นต้นไป

ทั้งนี้เกณฑ์การคำนวณ และคัดเลือกหลักทรัพย์ที่จะถูกคำนวณรวมในดัชนี FTSE SET จะต้องผ่านเกณฑ์สภาพคล่อง คือมีค่ามัธยฐาน (median) ของจำนวนหุ้นที่มีการซื้อขายรายวันในแต่ละเดือนต้องไม่ต่ำกว่า 0.05% ของจำนวนหุ้นที่ซื้อขายได้ เป็นเวลาไม่ต่ำกว่า 10 ใน 12 เดือนก่อนวันที่พิจารณาทบทวนรายชื่อดัชนีในแต่ละรอบ และจะต้องผ่านเกณฑ์การกระจายหุ้นให้แก่ผู้ถือหุ้นรายย่อยมากกว่า 15% ขึ้นไป

นายขจรศิษฐ์ สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SA เปิดเผยว่า การที่หุ้น SA ได้เข้าคำนวณใน FTSE Micro Cap ครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน และคาดว่าจะทำให้มีโอกาสเป็นที่รู้จักของกลุ่มนักลงทุนในระดับสากลมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังชี้ให้เห็นว่าเป็นหุ้นที่มีสภาพคล่องที่ดีอีกด้วย ขณะเดียวกันมีนักลงทุนสถาบันต่างประเทศให้ความสนใจติดต่อขอข้อมูล เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจก่อนเข้ามาลงทุน

ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตเป็นประวัติการณ์ พร้อมทั้งคงเป้าหมายรายได้ของปี 2564 อยู่ที่ 4,800 ล้านบาท จากการทยอยรับรู้รายได้จากยอดขายอสังหาริมทรัพย์เป็นหลัก ขณะเดียวกันมีแผนกระจายความเสี่ยงการลงทุน โดยวางแผนธุรกิจแบบผสมผสานให้มีความยืดหยุ่น เพื่อขยายฐานรายได้ประจำ (Recurring Income)  ทั้งในรูปแบบอสังหาฯ เพื่อเช่า และบริการห้องพักแบบโรงแรม ขณะเดียวกันได้พัฒนาโครงการในรูปแบบ Branded Residence เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้พักอาศัย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าประเภทซื้ออยู่จริง และนักลงทุน

นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ภายในปีนี้ อีกจำนวน 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 11,350 ล้านบาท ได้แก่ โครงการคอนโดมิเนียมจำนวน 2 โครงการ คือ โครงการ Landmark @ Grand Station บริเวณรามอินทรา มูลค่าโครงการ 4,000 ลบ และโครงการ คอนโดนิเมียม Blossom Condo @ Thung Song Hong ติดรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีทุ่งสองห้อง  มูลค่าโครงการประมาณ 2,000 ล้านบาท

อีกทั้งในปีนี้ทางบริษัทมีแผนเปิดโครงการหมู่บ้านแนวราบ ระดับบน อีก 2 โครงการ บริเวณ ถนนพระเทพตัดใหม่ เขตฝั่งธนบุรี มูลค่ารวมทั้ง 2 โครงการ รวมอีกประมาณ 5,350 ล้านบาท ซึ่ง ณ ปัจจุบัน บริษัทฯ มียอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 6,400 ล้านบาท คาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 2,300 ล้านบาท (36%)  ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงอีก 3 ปีข้างหน้า

อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้บริษัทฯ เล็งเห็นถึงมุมมองของการขายอสังหาริมทรัพย์ผ่านช่องทางที่หลากหลายมากขึ้น  ซึ่งบริษัทฯ อยู่ระหว่างการพัฒนาโปรเจกต์ดังกล่าว คาดว่าจะสามารถเห็นความชัดเจนได้ภายในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้มั่นใจว่าจะเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งให้ผู้บริโภคได้เข้าถึงโครงการได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

Back to top button