เปิดโผ 7 หุ้นยอดเยี่ยม!ปี 58 กำไรโตทะลุ 400%

เปิดโผ 7 หุ้นยอดเยี่ยม ผลประกอบการประจำปี 2558 กำไรเติบโตเกิน 400%


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งตลาด SET และ mai ปี 2558 ที่เสร็จสิ้นไปเมื่อวันที่ 31 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่ามีบริษัทจดทะเบียนที่มีผลประกอบการโดดเด่นในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนอย่างรุนแรง โดยใช้เกณฑ์คัดเลือกจากหุ้นที่ผลการดำเนินงานในปี 2558 กำไรเพิ่มขึ้นเกิน 400% สำหรับ บจ. ที่มีความน่าสนใจมีรายชื่อดังต่อไปนี้

 

อันดับที่หนึ่ง บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPCO ซึ่งรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 58 มีกำไรสุทธิ 1.19 พันล้านบาท หรือกำไรสุทธิ 2.4627 บาทต่อหุ้น กำไรเพิ่มขึ้น 1,430% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 77.69 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิ 0.161 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในช่วงดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นสาเหตุหลักมาจากเงินลงทุนจากบริษัทร่วม (TASCO) เพิ่มขึ้น 932.72 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 320%

ขณะที่ราคาหุ้น TIPCO ปิดวานนี้อยู่ที่ 12.80 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.40% สูงสุด 12.90 บาท ต่ำสุด 12.50 บาท มูลค่าการซื้อขาย 71.76 ล้านบาท

 

อันดับสอง บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MCS ซึ่งรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 58 มีกำไรสุทธิ 618.22 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิ 1.24 บาทต่อหุ้น กำไรเพิ่มขึ้น 654% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 82.03 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิ 0.16 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในช่วงดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทมียอดส่งออกเพิ่มขึ้นจากปีก่อนกว่า 224% ส่งผลให้บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น

ขณะที่ราคาหุ้น MCS ปิดวานนี้อยู่ที่ 10.90 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 2.83% สูงสุด 10.90 บาท ต่ำสุด 10.60 บาท มูลค่าการซื้อขาย 61.13 ล้านบาท

 

อันดับสาม บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ซึ่งรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 58 มีกำไรสุทธิ 4.15 พันล้านบาท หรือกำไรสุทธิ 3.01 บาทต่อหุ้น กำไรเพิ่มขึ้น 496% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 695.92 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิ 0.51 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในช่วงดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันภายในประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวลงอย่างต่อเนื่องในปี 58 ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายผลิตภัณฑ์น้ำมันเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ขณะที่ราคาหุ้น BCP ปิดวานนี้อยู่ที่ 31.00 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.81% สูงสุด 31.00 บาท ต่ำสุด 30.25 บาท มูลค่าการซื้อขาย 119.39 ล้านบาท

 

อันดับสี่ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ซึ่งรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 58 มีกำไรสุทธิ 1.08 พันล้านบาท หรือกำไรสุทธิ 0.2224 บาทต่อหุ้น กำไรเพิ่มขึ้น 489% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 183.18 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิ 0.0378 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในช่วงดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากรายได้เพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้โดยสาร และมีอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสารที่แข็งแกร่ง

ขณะที่ราคาหุ้น AAV ปิดวานนี้อยู่ที่ 4.98 บาท ลบ 0.12 บาท หรือ 2.35% สูงสุด 5.10 บาท ต่ำสุด 4.88 บาท มูลค่าการซื้อขาย 435.71 ล้านบาท

 

อันดับห้า บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ซึ่งรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 58 มีกำไรสุทธิ 386.32 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิ 0.79 บาทต่อหุ้น กำไรเพิ่มขึ้น 450% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 70.30 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิ 0.16 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในช่วงดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากมีรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มมากขึ้น

ขณะที่ราคาหุ้น ORI ปิดวานนี้อยู่ที่ 13.10 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง สูงสุด 13.20 บาท ต่ำสุด 13.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 32.87 ล้านบาท

 

อันดับหก บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ IFEC ซึ่งรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 58 มีกำไรสุทธิ 332.20 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิ 0.188 บาทต่อหุ้น กำไรเพิ่มขึ้น 419% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 64.05 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิ 0.0651 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในช่วงดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขาย-บริการเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ของธุรกิจโรงแรม-ขายอสังหาริมทรัพย์

ขณะที่ราคาหุ้น IFEC ปิดวานนี้อยู่ที่ 6.10 บาท บวก 0.05 บาท หรือ 0.83% สูงสุด 6.15 บาท ต่ำสุด 6.05 บาท มูลค่าการซื้อขาย 89.99 ล้านบาท

 

อันดับสุดท้าย บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BA ซึ่งรายงานผลการดำเนินงานประจำปี 58 มีกำไรสุทธิ 1.80 พันล้านบาท หรือกำไรสุทธิ 0.86 บาทต่อหุ้น กำไรเพิ่มขึ้น 412% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 351.11 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิ 0.21 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในช่วงดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากจำนวนผู้โดยสารและราคาค่าบัตรโดยสารเฉลี่ยเพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลงเป็นหลัก

ขณะที่ราคาหุ้น BA ปิดวานนี้อยู่ที่ 23.50 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 1.29% สูงสุด 23.50 บาท ต่ำสุด 23.10 บาท มูลค่าการซื้อขาย 107.10 ล้านบาท

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button