SCBAM เปิดกอง “SCBIHEALTH” ลงทุนนวัตกรรมการแพทย์ทั่วโลก

SCBAM เปิดกอง “SCBIHEALTH” เสนอขาย 22 - 28 มิ.ย.64 ลงทุนธีมนวัตกรรมการแพทย์ทั่วโลก มองศักยภาพเติบโตสูง


นายอาชวิณ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ บลจ.ไทยพาณิชย์ (SCBAM) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้มองเห็นโอกาสลงทุนในหุ้นโลกตามธีม Healthcare Innovation หรือเทคโนโลยีการแพทย์ชั้นสูงที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงจากโครงสร้างประชากรและเทคโนโลยีที่มีการคิดค้นต่อยอด จึงได้เปิดเสนอขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Healthcare Innovation (SCB Healthcare Innovation : SCBIHEALTH) มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาท เริ่มเสนอขายครั้งแรกระหว่างวันที่ 22 – 28 มิ.ย. 2564 นี้ ด้วยเงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท

ปัจจุบันความก้าวหน้าทางการแพทย์มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดด โดยมีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามามีส่วนช่วยเพื่อให้การรักษามีความแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการรักษาที่ไม่ใช่เพียงแค่การรักษาตามอาการ การวินิจฉัย เครื่องมือและอุปกรณ์ ซึ่งแตกต่างจาการแพทย์แบบดั้งเดิมที่ต้องใช้เวลาเข้าถึงยากและราคาสูง เช่น การตรวจหามะเร็งด้วยวิธีการตัดชิ้นเนื้ออาจถูกแทนที่ด้วยการตรวจเลือด การรักษาที่ช่วยลดขั้นตอนการผ่าตัด หรือการลดการใช้ยาที่มีความรุนแรงมากขึ้น เป็นต้น

สำหรับกองทุน SCBIHEALTH นั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การลงทุนในหุ้นการแพทย์ แต่ยังเป็นการลงทุนในหุ้นโลกตามธีม Healthcare Innovation เช่น การทำ DNA Sequencing, การใช้หุ่นยนต์ผ่าตัดระยะไกล, การนำ AI ที่ใช้วินิจฉัยโรค และการเลือกใช้เครื่องมือจัดเก็บข้อมูลผู้ป่วยแบบ Real-time รวมถึงการให้บริการ Telehealth ซึ่งคือการนำเทคโนโลยีการสื่อสารรูปแบบต่าง ๆ มาใช้ในการบริการด้านสุขภาพเพื่อให้เข้าถึงการรักษาพยาบาลได้สะดวกขึ้นโดยไม่จำเป็นต้องมาที่โรงพยาบาล ไม่ว่าจะเป็นการสื่อสารระหว่างแพทย์ถึงแพทย์ การให้คำปรึกษาระหว่างแพทย์กับคนไข้ หรือการให้ความรู้เรื่องยาจากเภสัชกรสู่ประชาชน

โดยปัจจัยหลักๆ ที่สนับสนุนให้ธุรกิจการแพทย์เติบโตอย่างก้าวกระโดด มาจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรทั่วโลกในปัจจุบัน โดยคาดว่าในปี 2025 ประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไปของสหรัฐฯ จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นกว่า 20% นอกจากนี้ ร้อยละของ GDP ที่เป็นค่าใช้จ่ายด้านการแพทย์ของแต่ละประเทศรวมถึงการที่นำหุ่นยนต์ผ่าตัดมาใช้งานมากขึ้นนั้นได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ รวมถึงต้นทุนการศึกษาด้านพันธุกรรมที่ปรับตัวลงยังส่งผลให้เกิดนวัตกรรมที่ล้ำหน้ายิ่งขึ้น” นายอาชวิณ กล่าว

ทั้งนี้ กองทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมต่างประเทศเพียงกองทุนเดียว ได้แก่ Baillie Gifford Worldwide Health Innovation Fund (กองทุนหลัก) ในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ (USD) โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน บริหารโดย Baillie Gifford Investment Management (Europe) Limited จดทะเบียนภายใต้กฎหมายของประเทศไอร์แลนด์ และอยู่ภายใต้ UCITS กองทุนอาจลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (Derivatives) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ตามความเหมาะสมสำหรับสภาวการณ์ในแต่ละขณะ ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของผู้จัดการลงทุน

สำหรับกองทุนหลักบริหารโดยทีมผู้เชี่ยวชาญจาก Baillie Gifford ที่มีปรัชญาการลงทุนมุ่งเน้นการเติบโตระยะยาว และลงทุนครบครันในธีมนวัตกรรมทางการแพทย์ที่มีศักยภาพในการเติบโตสงู อาทิเช่น 10x Genomics – บริษัทด้าน Biotechnology ที่พัฒนาเครื่องมือในการวิเคราะห์ระดับ DNA จากประเทศสหรัฐฯ, Ambu – ผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์แบบ single-use ลดโอกาสในการติดเชื้อเมื่อใช้ซ้ำจากประเทศเดนมาร์ก, Moderna – ผู้นำในเทคโนโลยีการรักษา mRNA ที่ใช้ข้อมูลเชิงพันธุกรรมจากประเทศสหรัฐฯ, Masimo – บริษัทด้าน Medtech ผลิตเครื่องมือในการติดตามอาการ จัดเก็บและส่งผ่านข้อมูลได้ง่ายขึ้นจากประเทศสหรัฐฯ และ M3 – ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ข้อมูลวงการแพทย์และยาจากประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น

โดยกองทุนหลักจะทำการคัดเลือกหุ้นเด่นรายตัวจากหลากหลายนวัตกรรมทางการแพทย์ (Bottom-up) เพื่อเฟ้นหาไอเดียการลงทุนในบริษัทที่สร้างนวัตกรรมทางการแพทย์ที่มีโอกาสเป็นไปได้อย่างครบครัน เริ่มตั้งแต่การทำความเข้าใจสาเหตุของโรค การวินิจฉัย การบำบัดรักษา พัฒนาเครื่องมือและผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการป้องกัน และมุ่งให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งยังเน้นพอร์ตการลงทุนที่มีความเชื่อมั่นสูง (high-conviction) ประมาณ 20 – 50 ตัว โดยไม่ยึดติดน้ำหนักการลงทุนกับดัชนีอ้างอิง

นอกจากนี้ ยังมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น มุมมอง กับนักวิทยาศาสตร์และนักเขียนเชิงวิชาการชั้นนำ รวมถึงมีการใช้ข้อมูลทั้ง Public และ Private Companies จากผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพทั่วโลกอีกด้วย ทั้งนี้ กองทุนหลักมีผลการดำเนินงานย้อนหลังตั้งแต่จัดตั้งอยู่ที่ 31.70% และย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ 69.50% เทียบกับดัชนีอ้างอิง MSCI All Country World Index อยู่ที่ 14.51% และ 46.40% ตามลำดับ (ที่มา: Baillie Gifford ณ วันที่ 30 เมษายน 2564)

อย่างไรก็ดีกองทุนนี้ลงทุนกระจุกตัวอยู่ในหมวดอุตสาหกรรม Healthcare จึงมีความเสี่ยงที่ผู้ลงทุนอาจสูญเสียเงินลงทุนจำนวนมาก เนื่องจากกองทุนไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้ ควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน ความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน รวมถึงควรขอคำแนะนำเพิ่มเติมจากผู้ประกอบธุรกิจก่อนตัดสินใจลงทุน

Back to top button