SCBAM พร้อมจ่ายปันผล 11 กองทุนหุ้นไทย 19 ก.ค.นี้

SCBAM พร้อมจ่ายปันผล 11 กองทุนหุ้นไทย มูลค่ารวมกว่า 1 พันลบ. ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน ในวันที่ 19 ก.ค.นี้


นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนหุ้นไทย 11 กองทุน สำหรับงวดผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ก.ค. 2563 – วันที่ 30 มิ.ย. 2564 จำนวนกว่า 1,020 ล้านบาท โดยกำหนดจ่ายให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนพร้อมกันในวันที่ 19 กรกฎาคม 2564 นี้  ประกอบด้วย

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต (ชนิดหุ้นระยะยาว) (SCBLTT) จ่ายปันผลในอัตรา 0.69 บาทต่อหน่วย โดยมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลเมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2564 ไปแล้วจำนวน 0.14 บาทต่อหน่วย คงเหลือจ่ายงวดนี้ 0.55 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 21 รวมจ่ายปันผล 5.19 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2550), กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต (ชนิดปี 2020) (SCBLTT-2020) กำหนดจ่ายปันผลในอัตรา 1.00 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวทาร์เก็ต (ชนิดเพื่อการออม) (SCBLTT-SSF) กำหนดจ่ายปันผลในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย โดยทั้งสามกองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี มีโอกาสเติบโตสูง และหุ้นที่มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (ชนิดหุ้นระยะยาว) (SCBLT1) จ่ายปันผลในอัตรา 0.71 บาทต่อหน่วย โดยมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลเมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2564 ไปแล้วจำนวน 0.21 บาทต่อหน่วย คงเหลือจ่ายงวดนี้ 0.50 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 27 รวมจ่ายปันผล 6.1850 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่21 ต.ค. 2547) โดยกองทุนนี้จัดเป็นกองทุน 4 ดาว ประเภท Thailand Fund Equity Large-Cap ของมอร์นิ่งสตาร์ (ข้อมูล ณ วันที่ 30 มิ.ย. 2564), กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (ชนิดปี 2020) (SCBLT1-2020) กำหนดจ่ายปันผลในอัตรา 1.00 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวปันผล 70/30 (ชนิดเพื่อการออม) (SCBLT1-SSF) กำหนดจ่ายปันผลในอัตรา 0.50 บาทต่อหน่วย โดยทั้งสามกองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี 70% และตราสารหนี้คุณภาพ 30%

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว พลัส (ชนิดเพื่อการออม) (SCBLT2-SSF) จ่ายปันผลในอัตรา 0.9750 บาทต่อหน่วย โดยมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลเมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2564 ไปแล้วจำนวน 0.0750 บาทต่อหน่วย คงเหลือจ่ายงวดนี้ 0.90 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่21 ต.ค. 2547) กองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี มีนโยบายจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว (ชนิดเพื่อการออม) (SCBLT3-SSF) จ่ายปันผลในอัตรา 0.84 บาทต่อหน่วย โดยมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลเมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2564 ไปแล้วจำนวน 0.09 บาทต่อหน่วย คงเหลือจ่ายงวดนี้ 0.75 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 12 ต.ค. 2548) กองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี มีโอกาสเติบโตสูง

กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ (ชนิดหุ้นระยะยาว) (SCBLT4) สำหรับงวดผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ก.ค. 2563 – วันที่ 30 มิ.ย. 2564 และกำไรสะสม จ่ายปันผลในอัตรา 0.60 บาทต่อหน่วย โดยมีการจ่ายปันผลระหว่างกาลเมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2564 ไปแล้วจำนวน 0.10 บาทต่อหน่วย คงเหลือจ่ายงวดนี้ 0.50 บาทต่อหน่วย นับเป็นครั้งที่ 18 รวมจ่ายปันผล 3.82 บาทต่อหน่วย (นับจากจัดตั้งกองทุนเมื่อวันที่ 27 มิ.ย. 2550) กองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ (ชนิดปี 2020) (SCBLT4-2020) กำหนดจ่ายปันผลในอัตรา 2.00 บาทต่อหน่วย และกองทุนเปิดไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาวอินเตอร์ (ชนิดเพื่อการออม) (SCBLT4-SSF) กำหนดจ่ายปันผลในอัตรา 0.35 บาทต่อหน่วย โดยทั้งสามกองทุนมีนโยบายเน้นลงทุนในหุ้นไทยพื้นฐานดี มีโอกาสเติบโตสูง และหุ้นต่างประเทศไม่เกิน 35%

ขณะที่ภาพรวมตลาดหุ้นไทยว่า ปัจจุบัน (ณ วันที่ 8 ก.ค. 2564) ตลาดมีการปรับตัวขึ้นจากสิ้นปี 2563 อยู่ที่ 6.51% โดยปัจจัยหลักเกิดจากความคาดหวังเศรษฐกิจภายในประเทศที่จะฟื้นตัวขึ้นภายหลังที่ผู้ติดเชื้อ COVID-19 ในระลอก 2 ที่เริ่มควบคุมได้ ทำให้หุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเปิดประเทศปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับสภาพคล่องในระบบยังมีอยู่สูงมาก จากเงินเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางทั่วโลกที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าตั้งแต่เดือนเม.ย.เป็นต้นมา ประเทศไทยได้เผชิญกับการระบาดของโรค Covid-19 อีกครั้งจากสายพันธุ์เดลต้าทำให้ผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงโดยเฉพาะหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเปิดประเทศ

นอกจากนี้ ยังคงมองว่าเป็นโอกาสที่ควรทยอยลงทุนในหุ้นไทยในช่วงที่ปรับตัวลดลงในกรอบ 1,500-1,550 จุด โดยเฉพาะช่วงที่เกิดความกังวลจากการ Lockdown ประเทศ โดยคาดว่าตลาดหุ้นไทยจะออกแนวข้าง (Sideway) ในไตรมาส 3 จนกว่าผู้ติดเชื้อ COVID-19  จะเริ่มควบคุมได้ และมีแนวโน้มที่ลดลงอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่องหลังจากที่ประเทศไทยได้รับการฉีดวัคซีนอย่างทั่วถึง ซึ่งคาดว่าจะเกิดในไตรมาส 4 ที่จำนวนผู้ติดเชื้อลดลงอย่างมีนัยยะสำคัญ

Back to top button