เอสเอ็มอีแบงก์ จับมือ บสย.ภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ Policy Loan

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) โดยนางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการ และนายสุพจน์ อาวาส กรรมการผู้จัดการ ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ Policy Loan ระหว่าง บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม โดยนายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ ประธานกรรมการ และนายวัลลภ เตชะไพบูลย์ กรรมการและผู้จัดการทั่วไป


ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) โดยนางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการ และนายสุพจน์ อาวาส กรรมการผู้จัดการ ได้มีพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือภายใต้โครงการค้ำประกันสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ Policy Loan ระหว่าง บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม โดยนายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ ประธานกรรมการ และนายวัลลภ เตชะไพบูลย์ กรรมการและผู้จัดการทั่วไป

สำหรับโครงการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ Policy Loan เป็นโครงการเพื่อตอบสนองต่อนโยบายรัฐบาลตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2558 ในการช่วยเหลือลดภาระทางการเงินของ SMEs ขนาดเล็กที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว โดยให้กู้ยืมในอัตราดอกเบี้ยต่ำเพียง 4% และให้ บสย.เข้าค้ำประกันเพื่อลดความเสี่ยงของธนาคารผู้ปล่อยกู้ รวมถึง เพื่อเป็นการส่งเสริมผู้ประกอบ การ SMEs ที่จะส่งออก หรือไปลงทุนในต่างประเทศ อีกด้วย สินเชื่อ Policy Loan มีวงเงินรวม 15,000 ล้านบาท การค้ำประกันของ บสย. เป็นลักษณะ Portfolio Guarantee Scheme มีเพดานการค้ำประกันสูงสุด 18% ของยอดเงินให้สินเชื่อ ทั้งนี้คณะกรรม การเอสเอ็มอีแบงก์ ได้กำหนดหลักเกณฑ์สินเชื่อ Policy Loan ดังนี้

กรณีวงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านบาท ลูกหนี้เป็น SMEs ขนาดเล็ก มักไม่มีหลักประกัน จึงให้ บสย.ค้ำประกันทั้งจำนวน 2. กรณีวงเงินกู้มากกว่า 1 ล้านบาท แต่ไม่เกิน 5 ล้านบาท ถ้าผ่านการคัดกรองจากหน่วยงานพันธมิตรที่เซ็น MOU กับเอสเอ็มอีแบงก์ ทาง บสย. จะค้ำประกันให้ทั้งหมด แต่ถ้ากรณีที่ไม่ผ่านการคัดกรองจากหน่วยงานพันธมิตร ให้ใช้ส่วนผสมโดยใช้หลักประกันตามเกณฑ์ปกติของธนาคาร 40% และ บสย. ค้ำประกัน 60% ของยอดสินเชื่อ 3. กรณีวงเงินมากกว่า 5 ล้านบาท ให้ใช้หลักประกันตามเกณฑ์ของธนาคาร

โครงการ Policy Loan สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ ปีที่ 1 – 3 อัตราดอกเบี้ยเพียง 4% สำหรับวงเงินไม่เกิน 15 ล้านบาทแรก และปีที่ 4-5 วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ย MLR ต่อปี และถ้าวงเงินเกินกว่า 5 ล้านบาท คิดอัตราดอกเบี้ยตามเกณฑ์ของธนาคาร โดยมีระยะเวลาการกู้สูงสุดไม่เกิน 5 ปี และปลอดชำระหนี้เงินต้นสูงสุดไม่เกิน 6 เดือน

นอกจากนี้ บสย. จะยกเว้นค่าธรรมเนียมให้ผู้กู้ในปีแรก ส่วนปีที่ 2-3 เก็บค่าธรรมเนียม 1% ของวงเงินค้ำประกัน จากอัตราปกติที่เรียกเก็บ 1.75% โดยกระทรวงการคลังจะชดเชยส่วนที่ขาดให้ บสย. และในปีที่ 4 – 5 จะต้องให้ SMEs จ่ายค่าธรรมเนียมให้ บสย. ตามปกติ คือ 1.75 % ของวงเงินที่ค้ำประกัน

ทั้งนี้ เพียงวันที 15 กค. 2558 ได้มี SMEs มาขอกู้ 1,217 ราย รวมเป็นวงเงิน 6,185 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นการขอกู้ของSMEs ที่ถูกผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ 3,897ล้านบาท (867 ราย) ส่วนที่เหลือเป็น SMEs ขนาดเล็กที่ประสงค์ค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน

Back to top button