SIS มั่นใจผลงาน Q2 โต รับอานิสงส์ “โครงการรัฐ” หนุนยอดขายสมาร์ทโฟนพุ่ง

SIS เชื่อไตรมาส 2/64 โตกว่าปีก่อน อานิสงส์โครงการภาครัฐหนุนคนใช้ “สมาร์ทโฟน” ลงทะเบียน – ทำธุรกรรม ดันยอดขายกระฉูด


นายสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SIS เปิดเผยว่า ผลประกอบการณ์ไตรมาส 2/2564 คาดว่าจะมียอดขายต่ำกว่าไตรมาส 1/2564 เล็กน้อย แต่ยังมั่นใจว่าจะเติบโตกว่าไตรมาส 2/2563 หลังจากเดือน มี.ค.2564 SIS เตรียมสต็อกสินค้าเป็นจำนวนมากส่งผลให้ยอดขายเดือน เม.ย.เติบโตขึ้นได้ รวมไปถึงได้รับปัจจัยหนุนจากโครงการคนละครึ่งของภาครัฐ ซึ่งจะต้องใช้โทรศัพท์สมาร์ทโฟนในการทำธุรกรรม ทำให้ยอดขายสินค้าดังกล่าวเติบโตอีกด้วย

ขณะที่ภาพรวมสถานการณ์ช่วงครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากสินค้าเทคโนโลยีเติบโตและยังคงเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค เพื่อตอบสนองการจัดการปัญหาต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

อีกทั้งประกอบกับธุรกิจ Cloud คาดว่าจะเป็นธุรกิจสำคัญในอนาคต โดยรายได้จากธุรกิจ Cloud ในเดือน เม.ย.และ พ.ค.เติบโตขึ้น 15% จากไตรมาส 1/2564 และคาดว่าจะเติบโตขึ้นอีกอย่างต่อเนื่องเป็นผลมาจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่เร่งการทำงานแบบ Work from Home ทำให้แต่ละบริษัทต้องใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลมากขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจ Cloud เติบโต รวมไปถึง SIS ยังมีการทำงานร่วมกับ Interlink ที่เข้ามาช่วยขายธุรกิจ Cloud ซึ่งสร้างรายได้ให้กับบริษัทได้อีกช่องทางหนึ่ง

นอกจากนั้น SIS ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับ Bitkub Chain เพื่อการเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัย โดยจะวางแผนการเก็บข้อมูลไว้หลายที่ ป้องกันความเสี่ยงและอันตรายในการสูญเสียข้อมูล ซึ่งทาง SIS มีระบบ Cloud และบุคลากรที่พร้อมอยู่แล้วทำให้ต้นทุนจะไม่สูงมากและในอนาคตอาจจะพัฒนาเป็นแอพพลิเคชั่นที่สามารถเก็บข้อมูลอย่างปลอดภัยได้

ด้านสินค้า Value Added ก็ยังคงเติบโตเช่นกัน โดยส่วนมากจะเป็นเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับระบบความปลอดภัยที่ใช้กับ Data center ซึ่งปัจจุบันแต่ละบริษัทได้หันมาให้ความสำคัญเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลมากขึ้นอีกด้วย

“จากปัญหาสินค้าขาดช่วงที่เกิดขึ้นซึ่งส่งผลกระทบกับบริษัทอยู่บ้าง ทำให้มีกำหนดการส่งมอบสินค้านานขึ้น โดยบริษัทพยายามแนะนำสินค้าทดแทนให้กับลูกค้า อาจจะเป็นสินค้ารุ่นที่สูงขึ้นหรือสินค้ายี่ห้ออื่น รวมไปถึงจะสต็อกสินค้าเพิ่มขึ้นเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้นอีก ด้านปัญหาต้นทุนที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นส่งผลให้การดีลราคาต้องสั้นลงเนื่องจากต้นทุนปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว” นายสมชัย กล่าว

ทั้งนี้ SIS มองธุรกิจในอีก 5 ปีข้างหน้าจะแบ่งเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ประกอบด้วย

  1. สินค้ายืนพื้น : เป็นสินค้าที่ตลาดอิ่มตัว ไม่เติบโต แม้จะมียอดขายสูงแต่มีอัตรากำไรค่อนข้างต่ำจะเน้นการลดค่าใช้จ่าย โดยจะเป็นสินค้ากลุ่ม Commercial, Consumer และ Phone
  2. สินค้าเด่น : เป็นสินค้าที่ตลาดจะใหญ่ขึ้นและเติบโต ทั้งนี้บริษัทมียอดขายค่อนข้างสูงและมีอัตรากำไรสูง โดยบริษัทจะเพิ่มการลงทุนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นสินค้ากลุ่ม Value Added (Security/Hybrid-Cloud), MA/Subscription และ Surveillance
  3. สินค้าอนาคต : เป็นสินค้าที่ตลาดจะใหญ่ขึ้นและเติบโต ทั้งนี้ทางบริษัทยังมียอดขายน้อยแต่มีอัตรากำไรสูง โดยบริษัทจะเพิ่มการลงทุนมากขึ้น ซึ่งจะเป็นสินค้ากลุ่ม SiS Cloud Service, OnPrem Cloud, Managed Service และ OnlineDistributor

Back to top button