SET ปิดเช้าร่วง 24 จุด กังวลพรุ่งนี้ประกาศ “ล็อกดาวน์” จับตาแนวรับถัดไป 1,550

SET ปิดเช้าร่วง 24 จุด กังวลพรุ่งนี้ประกาศ “ล็อกดาวน์” หลังโควิดระบาดหนัก – เล็งใช้มาตรการคุมเข้ม แนะจับตาแนวรับ 1,550


10 หุ้นกดดัชนีเช้านี้

ดัชนีตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าปิดที่ระดับ 1,552.25 จุด ลดลง 24.35 จุด (-1.54%) มูลค่าการซื้อขายราว 60,241 ล้านบาท

นายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างปรับตัวลงกันเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาตลาดในเอเชียก็มีการเคลื่อนไหวที่ด้อยกว่าตลาดในสหรัฐฯ และตลาดในยุโรปอยู่แล้ว เนื่องจากสหรัฐฯ และยุโรปมีการฟื้นตัวเศรษฐกิจที่ดีกว่า

ส่วนเอเชียยังฉีดวัคซีนได้ช้า ทำให้การฟื้นตัวเศรษฐกิจล่าช้าไปด้วย และยังมีปัญหาการแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ยืดเยื้อ ทำให้วิตกจะกระทบเศรษฐกิจในครึ่งปีหลัง (H2/64) อีกทั้งนักลงทุนได้ทยอยปรับพอร์ตเพื่อเตรียมรับมือกับเรื่องที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะปรับลดการทำ QE ทำให้ Fund Flow ไหลไปสหรัฐฯ และตลาดในเอเชียจึงดูแย่กว่า

ส่วนตลาดบ้านเราก็ใกล้เคียงกับตลาดในเอเชีย ในช่วงเช้าติดลบไปกว่า 20 จุด จากความกังวลจะใช้มาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดโควิดมากขึ้น แล้วจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจที่มีปัญหาอยู่ นักลงทุนจึงระมัดระวังการลงทุน ส่วนใหญ่ก็ได้ลดความเสี่ยงก่อน โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงมากกว่ากลุ่มอื่น จะมีเพียงกลุ่มการแพทย์กลุ่มเดียวที่บวกได้ รับอานิสงส์จากโควิดระบาด แต่หากช่วงครึ่งปีหลังการแพร่ระบาดโควิดยังรุนแรงขึ้น ก็อาจทำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงที่จะเข้าโรงพยาบาลก็ได้เหมือนในอดีตที่ผ่านมา ในช่วงสั้นกลุ่มการแพทย์ได้รับผลบวกแต่ Upside ก็ไม่มากแล้ว

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/64 ได้ให้ Downside ไว้ในกรอบ 1,450-1,520 จุด แต่ก็ขึ้นอยู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ดีแค่ไหน และจะกระทบภาคธุรกิจมาก/น้อยแค่ไหน ส่วน upside ให้ไว้ที่ 1,600 จุด

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ นายกิจพณ กล่าวว่า ตลาดฯยังมีทิศทางไม่ค่อยดีหลังหลุดแนว 1,580 จุดก็เสี่ยงที่ปรับตัวลงได้มากขึ้น พร้อมแนะนำให้เน้นลงทุนหุ้นปลอดภัย อย่างหุ้น EASTW, RATCH และพวกกอง REIT โดยให้แนวรับ 1,555 จุด ส่วนแนวต้าน 1,570 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,921.98 ล้านบาท ปิดที่ 112.50 บาท ลดลง 4.50 บาท

PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,492.81 ล้านบาท ปิดที่ 37.75 บาท ลดลง 1.00 บาท

PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,635.35 ล้านบาท ปิดที่ 114.50 บาท ลดลง 4.00 บาท

BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,623.74 ล้านบาท ปิดที่ 24.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท

RCL มูลค่าการซื้อขาย 1,424.60 ล้านบาท ปิดที่ 56.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท

ด้านรายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเรียกประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ชุดใหญ่ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ เพื่อประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ที่มีความรุนแรง โดยคาดว่าจะมีการพิจารณาข้อเสนอของฝ่ายสาธารณสุขให้ยกระดับมาตรการต่าง ๆ ก่อนที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ในสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ หากจะล็อกดาวน์จะเน้นเข้มข้นในพื้นที่แพร่ระบาดทั้งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และจังหวัดชายแดนภาคใต้ (10 จังหวัด ที่มียอดผู้ติดเชื้อสูง) ส่วนพื้นที่อื่นจะเป็นมาตรการเสริมมากกว่า

ทั้งนี้ นลท.มีความความกังวลว่าจะมีประกาศล็อกดาวน์เต็มรูปแบบภายในวันศุกร์นี้ หลังโควิด-19 ระบาดหนักจนระบบสาธารณสุขรับไม่ไหว ซึ่งอาจทำให้แผนเปิดประเทศภายใน 120 วัน ต้องเลื่อนหรือยกเลิกต่อไป

โดยศาสตราจารย์คลินิกเกียรติคุณ นายแพทย์อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. กล่าวว่า ขณะนี้ไทยอยู่ในการระบาดระลอก 4 ผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5,000-6,000 คน และเสียชีวิตราว 50 คน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ระบบสาธารณสุขคงรับไม่ไหว เพราะผู้ป่วยรวมเกือบเดือนละ 2 แสนคน หากไม่ลดลงใน 14 วัน คิดว่าสมควรกลับมาพลิกคืนมาตรการล็อกดาวน์อย่างเด็ดขาด “เจ็บแต่จบ” และต้องมีมาตรการ “WFH” ให้ได้ 75%

ด้าน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศปก.ศบค. กล่าวถึงข้อเสนอ “ล็อกดาวน์” ทั้งประเทศ ว่า ตนก็คิดเช่นนั้น ขณะนี้รอข้อเสนอที่เป็นทางการและจะรับพิจารณา พร้อมย้ำว่าศบค.จะฟังกระทรวงสาธารณสุขเป็นอันดับแรก ขณะที่นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า นอกจากปัจจัยเรื่องโควิด-19 และการล็อกดาวน์แล้ว ยังมีปัจจัยเรื่องของค่าบาทอ่อน และราคาน้ำมัน รวมทั้งภาษีหุ้น ที่สร้างแรงกดดันการลงทุนในประเทศ

ส่วนนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน แนะนำหุ้นเด่นสำหรับธีมลงทุน TOA, TVO, TIDLOR, KCE และ ICHI โดยประเมินแนวรับไว้ที่ 1,550-1,520 จุด โดยให้นักลงทุนเน้นกลุ่มที่ผลประกอบการดี เช่น กลุ่มส่งออก กลุ่มที่ได้ผลกระทบจากปัจจัยในประเทศน้อย ใช้กลยุทธ์ “Buy on dip” คือ จังหวัดที่ตลาดผันผวนเชิงลบ เหวี่ยงลงแรง มองเป็นโอกาสในการซื้อ

ด้านนายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ทำให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อาจพิจารณาประกาศล็อกดาวน์ในพื้นที่ 10 จังหวัด 14-30 วัน เนื่องจากมองว่าระบบสาธารณสุขรองรับไม่ได้ โรงแรมที่ทำ Hospitel อาจจะเต็มในเร็ว ๆ นี้ และบุคลากรทางการแพทย์อาจไม่สามารถรองรับได้

ส่วนภาพรวมของตลาดหุ้นนั้น หากเทียบกับปีที่แล้ว ตลาดจะลงก่อนล็อกดาวน์ เพราะตลาดจะกลัว แต่หลังประกาศ ตลาดจะมองว่าตัวเลขคนติดเชื้อจะน้อยลง หุ้นจะขึ้น ซึ่งมองว่าครั้งนี้อาจจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ หุ้นจะลงบ้าง แต่มีโอกาสที่จะขึ้นได้

สำหรับกลุ่มที่อาจจะได้รับผลกระทบคือ กลุ่มที่ยังไม่ได้สั่งปิด เช่น กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มสถาบันการเงินที่อาจได้รับผลกระทบจากลูกหนี้ที่อาจด้อยลงไปอีก ส่วนกลุ่มที่น่าจะไปได้ เช่น โรงพยาบาล กลุ่มที่เกี่ยวกับการทำงานที่บ้าน ซึ่งหากมีล็อกดาวน์แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มจะลงสู่แนวรับ 1,530-1,500 จุด

Back to top button