แรงขายหุ้นใหญ่ฉุด SET ไหล 34 จุดหลุดแนวรับ 1,550 ผวา “ล็อกดาวน์” กดศก.ทรุดต่อ

แรงขายหุ้นบลูชิพกด SET ภาคบ่ายไหลต่อ 34 จุด หลุดแนวรับ 1,550 จุด ผวาประกาศ “ล็อกดาวน์” ฉุดเศรษฐกิจทรุดต่อ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นไทยเปิดภาคบ่ายมาที่ระดับ 1,542.92 จุด ลบ 33.68 หรือ 2.14% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.85 หมื่นล้านบาท

ด้านนายกิจพล ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์และนักกลยุทธ์ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงจากความกังวลจะใช้มาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดโควิดมากขึ้น แล้วจะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจที่มีปัญหาอยู่ นักลงทุนจึงระมัดระวังการลงทุน ส่วนใหญ่ก็ได้ลดความเสี่ยงก่อน

โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินมีความเสี่ยงที่จะปรับตัวลงมากกว่ากลุ่มอื่น จะมีเพียงกลุ่มการแพทย์กลุ่มเดียวที่บวกได้ รับอานิสงส์จากโควิดระบาด แต่หากช่วงครึ่งปีหลังการแพร่ระบาดโควิดยังรุนแรงขึ้น ก็อาจทำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงที่จะเข้าโรงพยาบาลก็ได้เหมือนในอดีตที่ผ่านมา ในช่วงสั้นกลุ่มการแพทย์ได้รับผลบวกแต่ Upside ก็ไม่มากแล้ว

ทั้งนี้ ในไตรมาส 3/64 ได้ให้ Downside ไว้ในกรอบ 1,450-1,520 จุด แต่ก็ขึ้นอยู่กับการควบคุมการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้ดีแค่ไหน และจะกระทบภาคธุรกิจมาก/น้อยแค่ไหน ส่วน upside ให้ไว้ที่ 1,600 จุด

โดยแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ คาดตลาดมีทิศทางไม่ค่อยดีหลังหลุดแนว 1,580 จุดก็เสี่ยงที่ปรับตัวลงได้มากขึ้น พร้อมแนะนำให้เน้นลงทุนหุ้นปลอดภัย อย่างหุ้น EASTW, RATCH และพวกกอง REIT

นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า จากตัวเลขของผู้ติดเชื้อที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ทำให้ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 อาจพิจารณาประกาศล็อกดาวน์ในพื้นที่ 10 จังหวัด 14-30 วัน เนื่องจากมองว่าระบบสาธารณสุขรองรับไม่ได้ โรงแรมที่ทำ Hospitel อาจจะเต็มในเร็ว ๆ นี้ และบุคลากรทางการแพทย์อาจไม่สามารถรองรับได้

ส่วนภาพรวมของตลาดหุ้นนั้น หากเทียบกับปีที่แล้ว ตลาดจะลงก่อนล็อกดาวน์ เพราะตลาดจะกลัว แต่หลังประกาศ ตลาดจะมองว่าตัวเลขคนติดเชื้อจะน้อยลง หุ้นจะขึ้น ซึ่งมองว่าครั้งนี้อาจจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน คือ หุ้นจะลงบ้าง แต่มีโอกาสที่จะขึ้นได้

สำหรับกลุ่มที่อาจจะได้รับผลกระทบคือ กลุ่มที่ยังไม่ได้สั่งปิด เช่น กลุ่มห้างสรรพสินค้า กลุ่มสถาบันการเงินที่อาจได้รับผลกระทบจากลูกหนี้ที่อาจด้อยลงไปอีก ส่วนกลุ่มที่น่าจะไปได้ เช่น โรงพยาบาล กลุ่มที่เกี่ยวกับการทำงานที่บ้าน ซึ่งหากมีล็อกดาวน์แนวโน้มดัชนีหุ้นไทยมีแนวโน้มจะลงสู่แนวรับ 1,530-1,500 จุด

ด้าน บล.กรุงศรี ระบุว่า มีหลายปัจจัยลบรุมกดดัน อาทิ ตลาดหุ้นต่างประเทศ ส่วนใหญ่ยังติดลบ จำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศยังพุ่งสูง มี Overhang จากการออกมาตรการควบคุมจากภาครัฐ และเงินบาทอ่อนค่ากดดันหุ้น Big Cap โดย SET มีแนวรับถัดไปที่ 1,545- 1,550 จุด Top pick บ่ายนี้ คือ BDMS RCL และ TNP

Back to top button