ททท.กังวล “ฉีดวัคซีนช้า-ยอดติดเชื้อพุ่ง” ฉุดตัวเลข นทท. ชะลอตัว

ททท. รับกังวล ฉีดวัคซีนมีความล่าช้า และยอดติดเชื้อพุ่งสูงต่อเนื่อง กระทบท่องเที่ยวให้ชะลอตัว พร้อมรับสถานการณ์อนาคตหลังโควิด-19 โดยได้มีการเตรียมความพร้อมกับผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวต่างๆในการร่วมมือสร้างมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อทำให้นักท่องเที่ยวทุกคนเกิดความมั่นใจ


นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยฝ่าภัยโควิด “เปิดแผนเดินหน้าเศรษฐกิจไทย”ว่า แม้ว่าการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศภายใต้ “ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2564 มาถึงปัจจุบัน ครบ 14 วัน ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี แต่ยอมรับว่ากังวลการฉีดวัคซีนที่ยังมีความล่าช้า ขณะที่การท่องเที่ยวในประเทศชะลอตัวหลังคนไทยยังไม่มั่นใจในสถานการณ์โควิดหลังจากตัวเลขผู้ติดเชื้อพุ่งสูง จึงต้องเดินหน้าสร้างความมั่นใจทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง

โดยในช่วง 14 วันที่ได้ดำเนินการเปิดโครงการภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ มีจำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาแล้ว 5,473 คน และมีจำนวนเที่ยวบินที่เข้ามา 2-8 เที่ยวบิน/วัน นอกจากนั้นยังมีข่าวดีจากทางสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ในการเพิ่มเที่ยวบินเข้ามายังภูเก็ตเข้ามาอีก 2 เที่ยวบิน/วัน ทำให้มีโอกาสดึงนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเข้ามายิ่งขึ้น

ขณะที่มีการจองห้องพักของนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาแล้วในช่วง 14 วัน กว่า 190,000 ห้อง และยังมีการจองต่อเนื่องไปถึงต้นปี 65 เป็นจำนวนมาก โดยที่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจะเข้าพักเฉลี่ย 11-12 คืน/คน สะท้อนความมั่นใจในความปลอดภัยในเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย จึงยังสนใจและต้องการเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก

ส่วนนักท่องเที่ยวในประเทศปัจจุบันชะลอตัวลงไป เป็นผลมาจากความกังวลการแพร่ระบาดโควิด-19 ในประเทศ ทำให้ส่งผลเชิงจิตวิทยาต่อความมั่นใจในความปลอดภัยในการท่องเที่ยวของคนไทยเอง ซึ่งทำให้ผลกระทบในระยะสั้น โดยจำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางท่องเที่ยวในประเทศช่วงเดือน มิถุนายน 2564 ลดลงเหลือ 3.6 ล้านคน/ครั้ง จากปกติที่อยู่ที่ 10 ล้านคน/ครั้ง และอัตราการเข้าพักโรงแรมหดตัวเหลือเพียงกว่า 7% ต่ำกว่าระดับวิกฤติที่เคยอยู่ในระดับ 28% ทำให้เห็นว่าคนไทยยังไม่มั่นใจจึงชะลอการท่องเที่ยวออกไปก่อน

ทั้งนี้ ททท.จึงยังคงต้องเดินหน้าเรียกความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยในการท่องเที่ยวให้กลับมา เพื่อช่วยฟื้นการท่องเที่ยวทั้งคนไทยและชาวต่างชาติให้กลับมาเพิ่มขึ้น ซึ่งยังงเผชิญกับความท้าทายจากปัจจัยการฉีดวัคซีนที่มีความล่าช้าจากการส่งมอบวัคซีนที่ถูกเลื่อนออกไป และจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ในระดับสูง ททท.ต้องรอความหวังให้สถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง เพื่อให้สามารถกลับมาเปิดประเทศภายใน 120 วันตามที่นายกรัฐมนตรีประกาศไว้ โดยได้มีการเตรียมความพร้อมกับผู้ประกอบการภาคการท่องเที่ยวต่างๆในการร่วมมือสร้างมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อทำให้นักท่องเที่ยวทุกคนเกิดความมั่นใจ

“ช่วงนี้ยังเป็นช่วงเริ่มต้นของการเริ่มโครงการแซนด์บ็อกซ์ที่จะเริ่มทยอยเปิดจากจังหวัดไหนที่มีความพร้อมก็เริ่มทดลองเปิดได้ ก็ได้เริ่มจากภูเก็ต ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับที่ดี และเราก็มีความเข้มงวดในการคัดกรองนักท่องเที่ยว จาก 14 วันที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวที่เข้ามากว่า 6 พันคน พบคนติดเชื้อเพียง 10 คน คิดเป็น 0.002% เท่านั้น

ส่วนจังหวัดอื่นๆก็ทยอยกันเปิดเริ่มจากสมุยในกลางเดือนนี้ และก.ย.-ต.ค.ก็จะทยอยเปิดพัทยา เชียงใหม่ และบุรีรัมย์ ซึ่งบุรีรัมย์เขามีความพร้อมมาก เตรียมจัดงาน Motor GP ในเดือนต.ค.นี้ ก็เป็นโอกาสที่ดีที่เราจะพยามเริ่มเปิดประเทศมากขึ้น ก็คาดว่าจะเห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวกลับมาชัดมากขึ้นในไตรมาส 4 นี้ ถึงต้นปีหน้า จากไตรมาส 3 ที่ตั้งเป้าไว้ 1 แสนราย ซึ่งเราอยากให้ภาคการท่งอเที่ยวกลับมาช่วยเป็นหนึ่งกลไกที่สำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้ดีขึ้น” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

สำหรับเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในปี 2564 ยังคาดว่าจะมีจำนวน 3 ล้านคน และสร้างรายได้เข้าประเทศได้ราว 8.5 แสนล้านบาท ส่วนในปี 65 ยองรับว่ายังมีความท้าทายจากปัจจัยความไม่แน่นอนของโควิด-19 ที่เป็นผลกระทบต่อเนื่องจากปีนี้ และหลายประเทศยังไม่เปิดให้ประชาชนออกมาท่องเที่ยวนอกประเทศ หรือใช้มาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวยังอาจจะไม่สามารถกลับมาฟื้นตัวได้เต็มที่

อย่างไรก็ตาม มองว่าหากประเทศไทยสามารถกลับมาเปิดประเทศ และสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศคลี่คลายและควบคุมได้มากแล้ว ก็มีโอกาสที่จะรับนักท่องเที่ยวได้มากขึ้น และจะค่อยๆ ฟื้นกลับไปใกล้เคียงกับก่อนเกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 หรือในปี 62 ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 40 ล้านคน และสร้างรายได้เข้าประเทศได้ 3.5 ล้านล้านบาท

“เรายังคงทำงานกันต่อเนื่องไม่หยุด แม้ว่าภาคการท่องเที่ยวจะชะลอตัวไป แต่เราต้องทำงานเพื่อเตรียมความพร้อมต่างๆ ต้องมีการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ คู่ค้า และวิเคราะห์คู่แข่ง เพราะหลายๆประเทศเมื่อเขาเปิดประเทศได้ เขาก็อยากดึงนักท่องเที่ยวเข้าไปประเทศเขา เราต้องหาแนวทางที่จะเป็นตัวดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในไทย ทำอย่างไรให้เราเป็น Top of mind ของนักท่องเที่ยว ซึ่งหลังโควิดการท่องเที่ยวก็อาจจะไม่เหมือนเดิมแล้ว ต้องมีอะไรที่เป็นจุดขายทำให้เขาอยากมาและมาอย่างต่อเนื่อง” นายยุทธศักดิ์ กล่าว

Back to top button