ดักเก็บ 4 หุ้นรับปัจจัยบวก 2 เด้ง! ลุ้นกำไร Q2 โตแกร่ง-ปันผลปัง

ดักเก็บ 4 หุ้น MCS-SAPPE-SAT-TVO รอรับปัจจัยบวก 2 เด้ง! ลุ้นกำไรไตรมาส 2/64 โตแกร่ง พ่วงอัตราจ่ายปันผลสุดปัง


เริ่มเข้าสู่ช่วงฤดูกาลการทยอยประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2564 ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้ว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมข้อมูลบทวิเคราะห์กลุ่มหุ้นที่น่าสนใจจากบทวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด โดยเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มผลการดำเนินงานจะเติบโตขึ้นอย่างโดดเด่น อีกทั้งยังมีอัตราการจ่ายเงินปันผลในระดับสูง ดังนี้

บริษัท เอ็ม.ซี.เอส.สตีล จำกัด (มหาชน) หรือ MCS มองแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/2564 คาดว่าจะออกมาโดดเด่นมาก จากแผนส่งมอบงานโครงสร้างเหล็กให้กับลูกค้าในประเทศญี่ปุ่นน้ำหนักรวม 2.25 หมื่นตัน โดยประเมินกำไรสุทธิงวดไตรมาส 2/2564 ไว้ที่ 330 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบจากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 46% เมื่อเทียบจากปีก่อน โดยกำไรครึ่งปีแรกปี 2564 ที่คาดว่าจะทำได้สูงถึง 564 ล้านบาท ประเมินปันผลครึ่งปีแรกไว้ที่ 0.55 บาท

ส่วนทิศทางกำไรครึ่งปีหลังปี 2564 ยังสดใส จากแผนส่งมอบงานราว 4 หมื่นตัน สูงกว่าครึ่งปีแรกปี 2564 ที่คาดว่าจะส่งมอบงานได้ 3.5 หมื่นตัน โดยเป็นงานที่ให้ margin สูง อย่างโครงการ Toranomon และ Azabudai ที่มีราคาขายเฉลี่ยสูงกว่า 3 แสนเยน/ตัน ส่วนปี 2565 ภายใต้แผนการส่งมอบงานปัจจุบัน คาดว่าจะลดลงมาอยู่ที่ 6.5 หมื่นตัน ต่ำกว่าปี 2564 ราว 1.2 หมื่นตัน ทำให้แนวโน้มกำไรปี 2565 อาจต่ำกว่าปี 2564 อย่างไรก็ตาม MCS ยังมีงานที่อยู่ระหว่างเจรจาที่ชิลี น้ำหนักประมาณ 1 หมื่นตัน หากได้งานดังกล่าวเข้ามา ก็จะทำให้กำไรปี 2565 ไม่ได้ลดลงมาก ส่วนปี 2566 เชื่อว่าจะเป็นปีทองของ MCS อีกครั้ง เพราะจะมีโครงการตึกสูงจำนวนมากในญี่ปุ่นที่ถูกชะลอไปในช่วงการระบาดของไวรัสโควิดกลับมาเดินหน้าต่ออีกครั้ง

ทั้งนี้ฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง โดยดำรงสถานะเป็น Net Cash อย่างต่อเนื่อง ทำให้ MCS มีความสามารถในการจ่ายปันผลได้ในระดับสูงอีกทั้ง Backlog ปัจจุบัน มีเพียงพอรองรับรายได้ถึงไตรมาส 1/2566 ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่ PER ต่ำเพียง 5.80 เท่า และให้ Dividend Yield สูงถึง 9.03% แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 21 บาท

บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE แนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 2/2564 อยู่ในระดับ 100 ล้านบาท เติบโตจาก 91 ล้านบาท ในงวดไตรมาส 1/2564 หนุนด้วย High season ของธุรกิจเครื่องดื่มและเมื่อเทียบจากปีก่อนจากฐานต่ำ 68 ล้านบาท งวดไตรมาส 2/2563 ขับเคลื่อนด้วยยอดขายในตลาดส่งออกเป็นหลักชดเชยตลาดในประเทศยังต้องใช้เวลาฟื้นตัว ขณะที่ Gross Margin มีปัจจัยบวกทั้งเมื่อเทียบจากไตราสก่อน และเมื่อเทียบจากปีก่อน ตาม Economies of scale

ส่วนปัจจัยกระตุ้นในระยะกลาง มาจากทิศทางค่าเงินบาทอ่อนค่าจากโครงสร้างรายได้ตลาดส่งออกประมาณ 70% มาจากเงินเหรียญสหรัฐฯ ตามด้วยเงินบาทราว 20% และเงินยูโรราว 10% ส่วนแรงขับเคลื่อนระยะยาว จากกลุ่มเครื่องดื่มผสมกัญชงแน่นอนว่ายังไม่มีบทสรุปว่าผลิตภัณฑ์จะประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ตามเมื่อพิจารณาจากฐานกำไรปกติของ SAPPE ในอดีตราว 344 – 386 ล้านบาทต่อปี ทำให้สามารถเห็นผลบวกต่อประมาณการอย่างมีนัยฯ (+/- 10%) ชัดเจนกว่า OSP และ CBG ที่มีฐานกำไรประมาณ 3.5 – 4 พันล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 35 บาท มีจุดเด่นจาก Valuation โดยราคาหุ้นซื้อขายบน PER 18 เท่า ต่ำกว่า OSP และ CBG ซื้อขายบริเวณ 30 เท่า พร้อมคาดหมาย Div yield ราว 4.6% ต่อปี

บริษัท สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SAT แนวโน้มยอดผลิตรถยนต์ไทยปี 2564 ซึ่งฝ่ายวิจัยคาด 1.6 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 12% เมือ่เทียบจากปีก่อน หนุนการดำเนินงานของ SAT ในฐานะผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ฟื้นตัวไปในทิศทางเดียวกัน กอปรกับการเริ่มรับรู้ออเดอร์ใหม่จากผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในสหรัฐฯ ตั้งแต่ ธ.ค. 63ประมาณ 250 ล้านบาทต่อปี และปี 2565 มีออเดอร์ใหม่จากผู้ผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ในไทยคิดเป็นมูลค่าราว 330 ล้านบาทต่อปี (ตลอดอายุ Model รถกระบะราว 5 -7 ปี) เป็นแรงขับเคลื่อนการดำเนินงานให้ Outperform ยอดผลิตรถยนต์ปี 2564 – 2565

สำหรับแนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 2/2564 อ่อนตัวเมื่อเทียบจากไตรมาสก่อนตามฤดูกาล แต่พลิกเป็นกำไรเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่มีผลขาดทุน เป็นไปในทิศทางเดียวกับยอดผลิตรถยนต์ไทยงวดไตรมาส 2/2564 ที่ 3.8 แสนคัน คาดหนุนยอดขาย SAT ฟื้นตัวเมื่อเทียบจากปีก่อน และผลักดัน Gross Margin เพิ่มขึ้นจาก Economies of scale สูงขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน แม้ยอดผลิตรถยนต์ไทยงวดไตรมาส 2/2564 คิดเป็นสัดส่วน 75% ของยอดผลิตรถยนต์งวดไตรมาส 2/2562  แต่คาดกำไรปกติของ SAT อยู่ในระดับสูงเกินกว่าระดับก่อนเกิด COVID-19 แรงขับเคลื่อนจากออเดอร์ใหม่ตามข้างต้น และการลดต้นทุนผลิต เหมือนงวดไตรมาส 1/2564 ที่กำไรปกติของ SAT ทำ All time high

ทั้งนี้ให้ราคาเป้าหมายปี 2564 ที่ 25 บาท อิง PER ที่ 12 เท่า ราคาหุ้นซื้อขายบน PER ที่ 11 เท่า กอปรกับงบดุลแข็งแกร่ง ณ สิ้นงวดไตรมาส 1/2564 เป็น Net cash ราว 2.5 พันล้านบาท จึงคาดหมาย Div yield ปีนี้ 5.1%

บริษัท น้ำมันพืชไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TVO แนวโน้มกำไรปกติไตรมาส 2/2564 คาดอยู่ในกรอบ 750 – 800 ล้านบาทเติบโตเด่นชัดจาก 366 ล้านบาท ช่วงเดียวกันปีก่อน จากคาด Gross margin ที่ 14.3% เทียบกับ 10.9% ในงวดไตรมาส 2/2563 ส่วนทิศทางครึ่งปีหลังปี 2564 อ่อนตัวจากครึ่งปีแรกปี 2564 ตามแนวโน้ม Gross margin อ่อนตัวลง แต่เชื่อยังเป็นระดับที่สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน จึงคาดเห็นการเติบโตของกำไรปกติ ในระดับเมื่อเทียบจากปีก่อน ภาพรวมคาดกำไรปกติ 2,612 พันล้านบาท เพิ่ม 55% เมื่อเทียบจากปีก่อน บนสมมติฐาน Gross margin ที่ 14.2%

สำหรับปี 2565 เบื้องต้นฝ่ายวิจัยประเมินกำไรปกติ 1,664 พันล้านบาท จาก Gross margin กลับสู่ระดับปกติที่ 10.8% อย่างไรก็ดีมีปัจจัยที่อาจเป็น Upside จากข้อมูลของ IRI – International Research Institute for Climate and Society (Columbia university) เปิดเผยว่ามีโอกาสเกิดลานีญา ในช่วงไตรมาส 4/2564 ถึงก.พ.2565 ราว 60% อาจส่งผลให้เกิดความแห้งแล้งในฝั่งทวีปอเมริกาเป็นเหตุให้ผลผลิตถั่วเหลืองในบราซิลและอาร์เจนฯ เสียหายหนุนราคาเมล็ดถั่วเหลืองและกากถั่วเหลืองกลับเป็นขาขึ้นอีกครั้ง

ทั้งนี้ให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 35 บาท ราคาปรับฐานตอบรับทิศทางกำไรครึ่งปีหลังปี 2564 ถึงปี 2565 พอสมควร จึงคาดหวัง Div yield ปี 2564 ราว 8.6% และปี 2565 – 2567 เฉลี่ย 5% ถือว่าน่าสนใจเมื่อเทียบกับ Yield พันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปีที่ 1.6% จึงสามารถหาจังหวะลงทุนรับ Div yield ได้

Back to top button