“ฟินันเซีย” เชียร์ซื้อ SC มองยอดขาย Q4 ฟื้นรับเปิดโครงการ 5.8 พันลบ. ชูเป้า 3.90 บ.

“บล.ฟินันเซีย ไซรัส” แนะสอย SC มองยอดขาย Q4/64 ฟื้นตัว รับแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 4 โครงการ มูลค่ากว่า 5.8 พันลบ. ให้ราคาเป้าหมาย 3.90 บ.


บทวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ เกี่ยวกับ บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SC โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 3.90 บาท โดยมองโมเมนตัมการฟื้นตัวของยอด Presales ขยับขึ้นหลังการระบาดภายใน 1 เดือนคล้ายการระบาดรอบแรกตามที่คาด

โดยเดือนก.ค.ได้รับผลกระทบมากที่สุดจาก COVID-19 ระลอก 4 และมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้ยอด Presales อ่อนลงเป็น 1.2 พันล้านบาท เทียบกับเดือนมิ.ย.ที่ 2.2 พันล้านบาท

อย่างไรก็ดี มีสัญญาณฟื้นตัว ตั้งแต่เดือนส.ค.เป็น 1.4 พันล้านบาท จากการเน้นขายแนวราบโดยเฉพาะโครงการที่เปิดตัวไตรมาสก่อนหน้า บวกกับเปิดเพิ่มอีก 2 โครงการ มูลค่ารวม 1.2 พันล้านบาท

ขณะที่เดือนก.ย. Presales ไต่ระดับขึ้น คาดอยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท หลังคลายล็อกดาวน์รวมถึงความสำเร็จของการเปิดโครงการใหม่อย่าง Bangkok Boulevard ดอนเมือง-แจ้งวัฒนะ มูลค่า 1.3 พันล้านบาท ราคาขาย 10-20 ล้านบาท/ยูนิต ปัจจุบันทำยอดขายได้สูงถึง 33% ดีกว่าคาด หลังเปิดตัวในกลางเดือนก.ย. สะท้อนผลตอบรับที่ดีของแบบบ้านใหม่ LANAI SERIES

ทั้งนี้ คาดว่ายอด Presales ไตรมาส 3/64 จบที่ 4.3 พันล้านบาท ลดลง 23% จากไตรมาสก่อน จากผลกระทบปิดแคมป์ก่อสร้างเดือนก.ค. ซึ่งส่งผลต่อ SC ที่เป็นรูปแบบบ้านสร้างเสร็จก่อนขาย แต่ขยายตัวได้ 4% จากปีก่อน จากการเปิดโครงการใหม่มากขึ้น

ขณะที่ไตรมาส 4/64 คาดฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดดีขึ้นและการคลายมาตรการล็อกดาวน์ รวมถึงแผนเปิดตัวแนวราบเพิ่ม 4 โครงการ มูลค่า 5.8 พันล้านบาท ซึ่งคาดได้รับผลตอบรับดีเช่นเดียวกับโครงการก่อนหน้า แต่มองว่ายังอยู่ในเกณฑ์ดี และเชื่อว่าเป้า Presales ทั้งปีเติบโต 20% จากปีก่อน อยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาทยังเป็นไปได้

อย่างไรก็ตาม คงประเมินผลประกอบการไตรมาส 3/64 ลดลงจากไตรมาสก่อน และจากปีก่อน จากผลกระทบการแพร่ระบาด COVID-19 บวกกับมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้างในเดือนก.ค. รวมถึงฐานสูงในไตรมาส 3/63 อย่างไรก็ดี คาดไตรมาส 4/64 ฟื้นตัวดีตามทิศทางของยอดขายและการเปิดโครงการใหม่ บวกกับการเร่งกลับมาก่อสร้างเพื่อรับรู้ Backlog แนวราบที่ถูกกระทบจากคำสั่งการหยุดก่อสร้างได้ทันภายในปีซึ่งยกมาจากสิ้นไตรมาส 2/64 กว่า 4.6 พันล้านบาท

ขณะที่คอนโดคาดทยอยฟื้นตัว โดยเริ่มเห็นการกลับมาโอนกรรมสิทธิ์ของลูกค้าต่างชาติ สะท้อน Backlog ส่วนที่เหลือในคอนโด 28 Chidlom ที่ลดลงเป็น 300 ล้านบาท จากสิ้นไตรมาส 2/64 ที่ 500 ล้านบาท ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรปกติปี 2564 ทรงตัวที่ 1.9 พันล้านบาท แต่อาจมี Downside เล็กน้อย 5-10% จากผลของมาตรการปิดแคมป์

อย่างไรก็ดี ปรับไปใช้ราคาเหมาะสมปี 2565 ที่ 3.90 บาท (อิง PER เดิม 7.5 เท่า) คงคำแนะนำ “ซื้อ” จากความน่าสนใจ 1) การฟื้นตัวดีของยอดขายและกำไรในไตรมาส 4/64 ในฐานะผู้นำตลาดบ้านระดับบน ซึ่งมีอุปสงค์แข็งแกร่ง และได้รับผลกระทบจำกัดจาก COVID 2) แนวโน้มกำไรปี 2565 กลับมาเติบโตอีกครั้งในรอบ 2 ปี +11% จากปีก่อน ทำ New High ที่ 2.1 พันล้านบาท ขับเคลื่อนด้วยความสำเร็จของการรุกเปิดโครงการแนวราบที่บริษัทถนัด บวกกับคอนโดที่มีบทบาทอีกครั้งหลังปี 2563-64 ไม่มีโครงการโอนใหม่

โดยโครงการสร้างเสร็จใหม่ 3 แห่งในไตรมาส 4/65 มี Backlog แล้ว 3.2 พันล้านบาท 3) ฐานะการเงินมั่นคง โดย IBD/E ณ สิ้นไตรมาส 2/64 อยู่ที่ 1.24 เท่า ต่ำกว่า Debt Covenant ที่ 2.5 เท่า เอื้อต่อโอกาสการเติบโตในอนาคต 4) ความน่าสนใจจากการจ่ายปันผลปีละครั้ง คาด ปีนี้จ่าย 0.18 บาท/หุ้น คิดเป็น Yield สูง 5.6% เทียบกับหุ้นในกลุ่มอสังหาฯส่วนใหญ่ จ่ายปีละ 2 ครั้ง ซึ่งงวดครึ่งหลังปี 64 คาดเฉลี่ย 3% 4) Valuation น่าสนใจ ปัจจุบันซื้อขายบน PE ปี 65 ที่ 6.4 เท่า และราคาต่ำกว่า Book value หรือคิดเป็น PBV เพียง 0.6 เท่า

Back to top button