PRAPAT ชูกลยุทธ์รับเปิดเมือง-ท่องเที่ยว มั่นใจหนุนยอดขาย Q4 กลับสู่ระดับ 80%

PRAPAT กางแผน รับเปิดเมือง-ท่องเที่ยวระยะ 2 ชูโมเดลธุรกิจของภูเก็ตแซนด์บอกซ์ เพิ่มลูกค้าใหม่ พร้อมดันยอดขายไตรมาส 4 ปรับขึ้นอยู่ในระดับ 75-80% จากยอดขายปกติก่อนสถานการณ์โควิด-19


นายสุกานต์ อินทรสูต ผู้จัดการอาวุโส (ช่องทางจัดจำหน่าย) บริษัท พีรพัฒน์ เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PRAPAT เปิดเผยถึงแผนธุรกิจเพื่อรองรับการเปิดประเทศและการท่องเที่ยวระยะ 2 ว่า บริษัทฯจะนำโมเดลธุรกิจที่ทำในจังหวัดภูเก็ต หรือจากการเปิดประเทศระยะแรก (ภูเก็ตแซนด์บอกซ์) เมื่อเดือนกรกฎาคม 2564 มาปรับใช้กับศูนย์ธุรกิจและหน่วยธุรกิจในจังหวัดที่มีการเปิดประเทศระยะ 2 เช่น เชียงใหม่, ประจวบคีรีขันธ์, เพชรบุรี  และชลบุรี

ส่วนแผนการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดประเทศและท่องเที่ยวในระยะ 2 ของบริษัทฯจะประกอบไปด้วย การเข้าไปสนับสนุนมอบผลิตภัณฑ์กลุ่มฆ่าเชื้อให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการเปิดเมือง, การเดินหน้าทำแคมเปญ “100X100 ฝ่าวิกฤตโควิด-19” บริการฉีดพ่นฆ่าเชื้อให้กับลูกค้าโรงแรม พร้อมทั้งนำเสนอแพ็กเกจสินค้ากลุ่มฆ่าเชื้อและอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับการฆ่าเชื้อ เช่น ฟ็อกกี้ฉีดพ่น, ชุด PPE และเครื่องโอโซน ในราคาพิเศษ เป็นต้น รวมถึงการเตรียมทีมงานบริการเข้าไปดูแลลูกค้าที่กำลังจะทำการปรับปรุงโรงแรม หรือเตรียมตัวก่อนที่จะเปิดกิจการอีกครั้ง

นอกจากนี้โมเดลธุรกิจของภูเก็ต ที่ทำในช่วงของการเปิดประเทศในระยะแรก เช่น การจัดกิจกรรมสนับสนุนการเปิดเมือง, การทำแคมเปญ “100X100 ฝ่าวิกฤตโควิด-19” และคัดเลือกลูกค้าหลัก ฉีดพ่นฆ่าเชื้อให้ฟรี เพื่อเป็นการช่วยเหลือลูกค้าในช่วงที่เริ่มกลับมาเปิดกิจการอีกครั้ง พบว่าลูกค้าตอบรับเป็นอย่างดี จนทำให้มีลูกค้าใหม่กลุ่มร้านอาหาร, สปา ฯลฯ เพิ่มขึ้น 10-15 รายต่อเดือน และมียอดขายปรับตัวดีขึ้นอยู่ในระดับ 60% แล้ว ดังนั้นเชื่อว่าโมเดลดังกล่าวจะช่วยต่อยอดให้กับศูนย์ธุรกิจในจังหวัดที่มีการเปิดประเทศระยะ 2 มีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น

สำหรับภาพรวมของการเติบโตธุรกิจบริษัทฯในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2564 แม้ว่ายอดขายจะปรับตัวลดลงบ้าง จากผลกระทบของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ทำให้ตลาดลูกค้าหลักของบริษัทฯ อย่าง กลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทไม่สามารถเปิดให้บริการได้ แต่ผลิตภัณฑ์ที่ยังขายดี คือ สินค้ากลุ่มป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เช่น ฟ็อกกี้ฉีดพ่น, ชุด PPE และเครื่องโอโซน เป็นต้น นอกจากนี้ กลุ่มซักรีดปรับตัวดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา หลังจากที่บริษัทฯเข้าไปนำเสนองานซักรีด รวมถึงสินค้าในกลุ่มซักรีดในฮอสพิเทล (Hospitel) มากขึ้น

ทั้งนี้เพื่อทำให้ยอดขายบริษัทฯเติบโตมากขึ้นในช่วงที่สถานการณ์ไม่ปกติ บริษัทฯได้มีการปรับแผนการทำธุรกิจใหม่ ด้วยการมุ่งเน้นเข้าไปทำตลาดอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ร้านสปา, ร้านซักรีดในชุมชน, หน่วยงานราชการ เป็นต้น ซึ่งในส่วนของหน่วยงานราชการ ล่าสุดหลังจากที่บริษัทฯได้เข้าไปนำเสนอสินค้ากลุ่มเคมีภัณฑ์, กลุ่มฆ่าเชื้อ,และสระว่ายน้ำ ให้กับทางหน่วยงานราชการ ในงบประมาณใหม่ พบว่าได้รับการอนุมัติเรียบร้อยแล้วและพร้อมมีคำสั่งซื้อเข้ามาในเดือนตุลาคมนี้

“สถานการณ์โควิด-19 ทำให้เราต้องปรับตัวหาตลาดใหม่มากขึ้น หลังจากลูกค้าหลักโรงแรมและรีสอร์ทปิดตัว ซึ่งการขยายตลาดรวมถึงการเพิ่มช่องทางธุรกิจใหม่ๆทำให้บริษัทฯ มีลูกค้าใหม่โดยรวมเพิ่มมากขึ้นต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 40 – 50 ราย จากเดิมในสถานการณ์ปกติ จะมีลูกค้าใหม่เพิ่มต่อเดือนเพียง 10 รายต่อเดือน ขณะที่การเปิดประเทศระยะ2 และการคลายล็อกดาวน์ ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ภาพรวมยอดขายบริษัทฯในจังหวัดที่มีศูนย์ธุรกิจ ภายในสิ้นปีนี้กลับมาอยู่ในระดับ 75 – 80% จากยอดขายปกติก่อนสถานการณ์โควิด-19 แต่หากสถานการณ์ในประเทศไทยเริ่มปรับตัวดีขึ้น มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศกลับมา เชื่อว่ายอดขายจะเติบโตขึ้น” นายสุกานต์ กล่าว

 

Back to top button