โบรกฯแนะซื้อ XO เคาะเป้า 24 บาท คาดรายได้ Q4/64 ยืนเหนือ 300 ลบ.

โบรกฯ แนะนำซื้อ XO ราคาเป้าหมาย 24 บาท คาดแนวโน้มรายได้ไตรมาส 4 ยืนเหนือ 300 ล้านบาท จากความต้องการผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องไปถึงปี 2565


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (6 ตุลาคม 2564) ราคาหุ้นของบริษัท เอ็กโซติค ฟู้ด จำกัด (มหาชน) หรือ XO ณ เวลาปิดตลาด อยู่ที่ระดับ 17.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.60 บาท หรือคิดเป็น 3.51% โดยทำจุดสูงสุดอยู่ที่ 18.00 บาท และทำจุดต่ำสุดอยู่ที่ 17.20 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 86.55 ล้านบาท

บริษัท หลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ (6 ต.ค.2564) โดยจากการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมกับบริษัท พบว่ายอดการส่งออกในไตรมาส 3/2564 มีแนวโน้มต่ำกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้ที่ 400 ล้านบาท ดังนี้

1) ปัญหาการส่งมอบขวดบรรจุซอสของ supplier ที่ล่าช้ากว่าปกติ แม้ว่าปัจจุบันโรงงานผลิตขวดบางแห่งจะกลับมาเพิ่มกาลังการผลิตใกล้เคียงปกติแล้ว จากเดิมในช่วงโควิดที่ลดกาลังการผลิตลง 50% แต่ก็ยังไม่สามารถส่งมอบขวดได้ทันเวลา สืบเนื่องจากการเกิดปัญหาคอขวดในการผลิตจาก order เก่าที่คงค้าง และ order ใหม่

2) จากความไม่แน่นอนของ supplier ขวด ทำให้บริษัทต้องรอผลิตจนถึงขั้นตอน end product ถึงจะทำการจองเรือและตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งแตกต่างจากครึ่งปีแรก 2564 ที่บริษัทได้จองตู้และเรือล่วงหน้า เนื่องจากมีความมั่นใจในว่าส่งออกได้ตามกำหนด

3) แนวโน้มยอดไตรมาส 4/2564 ใกล้เคียงจากไตรมาส 3/2564 จากปัญหาทั้ง 2 ข้อข้างต้น ทำให้ลูกค้าในยุโรปบางรายยกเลิกคำสั่งซื้อและยกเลิกการจัด promotion เทศกาลต่างๆ ในช่วงปลายปีไม่ว่าจะเป็นเทศกาล Christmas & Happy new year เป็นต้น

4) บริษัทคาดปัญหาเรื่อง supplier การส่งขวดที่ล่าช้าจะกลับมาเป็นปกติได้ในช่วงต้น พ.ย.2564 และคาดว่าคำสั่งซื้อจากลูกค้าในยุโรปจะกลับมาเป็นปกติได้ในช่วงไตรมาสที่ 1/2565

โดยประเมินกำไรสุทธิในไตรมาส 3/2564 ที่ 91 ล้านบาท ลดลง 6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลง 41% จากไตรมาสก่อน สาเหตุที่กำไรหดตัวลงแรงจากไตรมาสก่อน เป็นผลจาก 1) รายได้จากการขายลดลงอยู่ที่ 338 ล้านบาท ลดลง 2% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลง 26% จากไตรมาสก่อน เป็นผลจากปัญหาการส่งมอบขวดบรรจุซอสที่ล่าช้า ทำให้บริษัทไม่สามารถวางแผนการจองตู้คอนเทนเนอร์และเรือได้ และ 2) Gross profit margin อยู่ที่ 43.5% ในไตรมาส 2/2564 เท่ากับ 46.5% และในไตรมาส 3 เท่ากับ 42.1% เชื่อว่าบริษัทยังคงได้ประโยชน์จาก economies of scale ต่อเนื่อง จากรายได้ที่ยืนเหลือ 300 ล้านบาท รวมถึงต้นทุนวัตถุดิบที่อยู่ในระดับต่ำ

โดยปรับกำไรปี 2564 ลง 7% และปี 2565 ลง 10% เป็น 449 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ 491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามลำดับ จากการปรับรายได้รวมปี 2564 ลดลง 8% เป็น 1,483 ล้านบาท จากเดิมที่ 1,597 ล้านบาท เป็นผลจากการปรับลดการเติบโตของรายไกลุ่มซอสปี 2564 และปี 2565 ลงเป็น 19% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากเดิมที่คาดเห็นการเติบโตเพิ่มขึ้นราว 30% จากงวดเดียวกันของปีก่อน  และเพิ่มขึ้น 20% จากงวดเดียวกันของปีก่อน อันเป็นผลสืบเนื่องจากปัญหา supplier ขวด ทำให้ลูกค้าบางส่วนยกเลิกคำสั่งซื้อของในไตรมาส 4/2564 แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงสมมติฐาน Gross profit margin ปี 2564และปี 2565 ที่ 45% และ 44% ตามลำดับ

สำหรับแนวโน้มในไตรมาส 4/2564 คาดรายได้ยังสามารถยืนเหนือ 300 ล้านบาทได้ จาก 1) มีรายได้ backlog ที่คงค้างจากไตรมาส 3/2564 หนุนราวอีก 70 ล้านบาท และ 2) บริษัทมีรายได้เฉลี่ยในช่วงก่อนการทำ listing fee ราว 250 ล้านบาทต่อไตรมาส และปัจจุบันบริษัทมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นหลังจากกลยุทธ์ listing fee

ทั้งนี้ ได้ประเมินราคาเป้าหมาย XO ที่ราคา 24.00 บาท อิงตามปี 2564 ค่า PER อยู่ 23 เท่า โดย XO ปัจจุบันเทรดปี 2564 เทรดค่า PER อยู่ที่ 16 เท่า จึงได้ประเมินราคาเป้าหมาย PER อยู่ที่ 23 เท่าตามความเหมาะสมจาก 1) ความต้องการผลิตภัณฑ์ซอสปรุงรสยังสามารถขยายตัวได้ต่อเนื่องไปถึงปี 2565 จากกลยุทธ์ใหม่ 2) บริษัทได้ทำการ lock ราคาต้นทุนไปจนถึงปี 2565 เรียบร้อยแล้ว และ 3) GPM จะยังสามารถอยู่ในระดับสูง และทำให้ค่า ROE ในปี 2565 สูงถึง 33% สูงกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 7 ปี ที่ 22%

Back to top button