“ฟินันเซีย” เชียร์ซื้อ NSL เป้าใหม่ 23 บ. มองกำไร Q4 โตแตะ 40 ลบ. รับอานิสงส์เปิดเมือง

“บล.ฟินันเซีย” เคาะราคาเป้าหมาย NSL ใหม่ 23 บาท มองกำไร Q4 แตะ 40 ลบ. พร้อมคาดกำไรปี 65 จะเติบโตเพิ่มขึ้นจากการขยายสาขาของเซเว่นในกัมพูชา


บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด มหาชน ระบุในบทวิเคราะห์ประเมินเกี่ยวกับ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NSL เมื่อวันที่ (11 ตุลาคม 2564) โดยคาดว่ากำไรในไตรมาส 3/2564 อยู่ที่ 22 ล้านบาท (-67.2% จากไตรมาสก่อน และ -55.1% เมื่อเทียบจากปีก่อน) อ่อนตัวลงคงค่อนข้างมากจากปัญหา COVID-19 เป็นหลักที่กระทบทั้ง Supply Chain ของลูกค้ารายใหญ่

โดยเฉพาะในเดือน ส.ค. ที่กระทบหนักสุด และโรงงานของบริษัทมีแรงงานติดเชื้อบ้าง แม้ไม่หนักจนถึงกับต้องหยุดชะงักโรงงานชั่วคราว แต่ก็มีการหยุดบางสายการผลิตที่มีปัญหาแรงงาน จึงคาดกระทบรายได้ในไตรมาสนี้ชะลอตัวลดลง -21.8% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และ ลดลง -16% เมื่อเทียบจากปีก่อน และเนื่องจากเป็นธุรกิจผลิตมี Fixed Cost สูง เมื่ออัตราการใช้กำลังการผลิตลดลง ทำให้กระทบอัตรากำไรขั้นต้นคาดอ่อนตัวลงเป็น 16.5% ลดจาก 19.2% ในไตรมาส 2/2564 และ 17.1% ในไตรมาสที่ 3/2563 ขณะที่ค่าใช้จ่ายยังอยู่ในระดับที่สูง ส่วนหนึ่งมาจากค่าใช้จ่ายการจัดการ COVID-19

อย่างไรก็ตาม เริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวเดือน ก.ย. คาดกำไรไตรมาส 4/2564 จะกลับมาเติบโต โดยมองผ่านจุดต่ำสุดในเดือน ส.ค. จึงเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวใน ก.ย. ทั้งโรงงานที่กลับมา Operate ใกล้เคียงระดับปกติอีกครั้ง และปัญหา Supply Chain คลี่คลายมากขึ้น

รวมถึงธุรกิจ Food Service ที่ฟื้นตัวได้ดีขึ้นในเดือน ก.ย. และต่อเนื่องมาใน ต.ค. ตามการ Reopen ของร้านอาหารและร้านค้าปลีกมากขึ้น จึงคาดกำไรจะกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 4/2564 เบื้องต้นมองไว้ที่ระดับ 40-50 ล้านบาท

นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนนำขนมแบรนด์ตัวเอง “ปังไท” กระจายเข้า Modern Trade มากขึ้น และออกสินค้าใหม่กลุ่ม Trading น้ำปลาร้า ตราเชิญยิ้ม โดยบริษัทเป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าใหม่ รวมถึงเมนูใหม่อย่าง โจ๊ก ที่เป็นสินค้า OEM จ้างบริษัทอื่นผลิตให้

ดังนั้น จากแนวโน้มกำไรไตรมาส 3/2564 ที่สะดุด จึงได้ปรับลดกำไรสุทธิปี 2564 ลง 16.4% เป็น 189 ล้านบาท ยังเติบโต 25% เมื่อเทียบจากปีก่อน และยังคาดกำไรปี 2565 จะเติบโตมากขึ้นเป็น 43.7% อยู่ที่ 272 ล้านบาท คาดหวัง COVID-19 จะคลี่คลายได้เป็นลำดับ และด้วยสินค้าของบริษัทที่มีจุดเด่น ถือเป็นหนึ่งใน Signature ของร้าน 7-11 จึงคาดจะเติบโตตาม 7-11 ได้ต่อเนื่อง และหาก 7-11 มีการขยายสาขาในกัมพูชามากขึ้นในปีหน้า ซึ่งมองว่าจะช่วยหนุนการเติบโตให้กับ NSL ได้มากขึ้น โดยเห็นกระแสตอบรับที่ดีมากจาก 2 สาขาที่มีอยู่ในปัจจุบัน

นอกจากนี้ยังมี Upside จากการอยู่ระหว่างเจรจานำสินค้าของบริษัทขยายเข้าไปใน Lotus’s มากขึ้น ทั้งนี้เราเห็นควร Re-Rate PE ขึ้นเป็น 25 เท่า จากเดิม 21 เท่า โดยขยับให้เท่ากับ PE เฉลี่ยของกลุ่มอาหาร จึงปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 2565 เป็น 23 บาท จากเดิม 19 บาท

Back to top button