“ดาวโจนส์” ปิดพุ่ง 200 จุด รับแรงหนุนข้อมูลจ้างงานสหรัฐแกร่ง

“ดาวโจนส์” ปิดบวก 203.72 จุด ขานรับข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐเพิ่มขึ้น 531,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. และข้อมูลเชิงบวกจากการทดลองยาเม็ดต้านโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.2564) ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์นี้ โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยข้อมูลการจ้างงานที่แข็งแกร่งในสหรัฐ และข้อมูลเชิงบวกจากการทดลองยาเม็ดต้านโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์

โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,327.95 จุด เพิ่มขึ้น 203.72 จุด หรือ +0.56%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,697.53 จุด เพิ่มขึ้น 17.47 จุด หรือ +0.37% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,971.59 จุด เพิ่มขึ้น 31.28 จุด หรือ +0.20%

สำหรับในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ บวก 1.42%, ดัชนี S&P500 บวก 2% และดัชนี Nasdaq บวก 3.05%

ทั้งนี้ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดตลาดที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นวันที่ 7 ติดต่อกัน และดัชนีทั้ง 3 ตัวปรับตัวขึ้นในสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่ 5 ติดต่อกัน

ด้านตลาดปรับตัวขึ้น หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 531,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 450,000 ตำแหน่ง จากระดับ 312,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย.

ส่วนอัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 4.60% โดยต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.70% จากระดับ 4.80% ในเดือนก.ย.

ขณะเดียวกันตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานข่าวว่า การทดลองยาเม็ดต้านโรคโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ได้ยุติลงเร็วขึ้น หลังจากพบว่า ยาดังกล่าวลดความเสี่ยงที่ผู้ใหญ่ติดเชื้อโควิด-19 จะมีอาการรุนแรงขึ้น และลดโอกาสในการเข้าโรงพยาบาลหรือการเสียชีวิตลงได้ 89%

โดยหุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้นราว 11%

สำหรับข่าวดังกล่าวได้ช่วยหนุนตลาดขึ้นต่อ หลังจากที่นักลงทุนได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนนี้ตามคาด

อีกทั้งหุ้นกลุ่มเดินทางปรับตัวขึ้นขานรับการประกาศเรื่องยาเม็ดต้านโควิดของบริษัทไฟเซอร์ โดยดัชนีหุ้นกลุ่มสายการบิน พุ่งขึ้น 7% ขณะที่หุ้นคาร์นิวาล คอร์ป, รอยัล แคริบเบียน ครุยซ์ และนอร์วีเจียน ครุยส์ ปรับตัวขึ้นราว 8-9%

ด้านหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มอุตสาหกรรม ปรับตัวขึ้น 1.40% และ 1% ตามลำดับ

ขณะที่หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์เป็นหุ้นกลุ่มเดียวที่ปิดลบ 1% หลังข่าวเกี่ยวกับยารักษาโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์ถ่วงหุ้นของบริษัทคู่แข่งร่วงลง อาทิ หุ้นเมอร์ค ร่วงเกือบ 10% และหุ้นโมเดอร์นา ร่วง 16.60%

ส่วนหุ้นที่เคยได้แรงหนุนจากการอยู่กับบ้าน อาทิ หุ้นซูม ร่วงลง 6.20% และหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วง 3.40%

นอกจากนี้การเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดของบริษัทจดทะเบียนช่วยหนุนตลาดด้วย โดยหุ้นพินเทอเรสต์ พุ่งขึ้น 5.90% หลังคาดการณ์รายได้ไตรมาส 4 ที่แข็งแกร่ง

 

 

Back to top button