TRV แย้มผลงาน Q4 สดใส เดินหน้าขยายกำลังผลิต-เจาะฐานลูกค้าเพิ่ม

TRV ปลื้มนลท.ต้อนรับอบอุ่น แย้มผลงาน Q4 สดใส เดินหน้านำเงินระดมทุนใช้ขยายกำลังผลิต-เจาะฐานลูกค้าเพิ่ม


นายธีรวุฒิ นวมงคลชัยกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ที.อาร์.วี. รับเบอร์ โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TRV ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนยางขึ้นรูปเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า รวมถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ กล่าวว่า ต้องขอขอบคุณทุกความเชื่อมั่นจากนักลงทุน ทำให้การเปิดซื้อขายหุ้น TRV วันแรก ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai)  ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่น และนับเป็นก้าวแรกสำคัญซึ่งช่วยผลักดัน และสนับสนุนให้บริษัทฯ มีความแข็งแกร่ง

โดยเงินที่ได้จากการระดมทุนจะใช้สนับสนุนแผนการเติบโตของ TRV ในอีก 3-5 ปีจากนี้ ในฐานะหนึ่งในผู้นำชิ้นส่วนยางขึ้นรูปที่ได้รับความเชื่อมั่นจากลูกค้าและพันธมิตร ผลักดันผลการดำเนินงานให้เติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับภาพรวมผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ประกอบด้วย ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในกลุ่มยานยนต์มีสัดส่วน 52.46% ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ขณะที่ ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในเครื่องใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 46.49% และชิ้นส่วนยางขึ้นรูปอื่นๆ 1.05% ของรายได้จากการขายในงวด 9 เดือนแรกของปี 2564

โดย TRV มีรายได้รวม 134.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.34 % กำไรสุทธิ 22.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43.80% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับ 40.19% อัตรากำไรสุทธิ 16.53% เนื่องจากสัดส่วนรายได้จากการขายในกลุ่มยานยนต์ ซึ่งเป็นกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น และยังคงมีทิศทางที่ดีต่อเนื่องในช่วงไตรมาส 4 นี้

ทั้งนี้ แม้สถานการณ์แพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ส่งผลกระทบในหลากหลายอุตสาหกรรม แต่ TRV มีการกระจายพอร์ตที่หลากหลาย ทั้งอุตสาหกรรมยานยนต์ และอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่งผลให้ภาพรวมผลประกอบการยังรักษาความสามารถทำกำไรได้เป็นอย่างดี และ TRV พร้อมรับเทรนด์การเติบโตในอนาคต ทั้งในกลุ่มยานยนต์ EV และสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยเทคโนโลยี IoT สนับสนุนการเติบโตในระยะยาว

“บริษัทฯ ขอบคุณในความไว้วางใจของผู้ถือหุ้น และนักลงทุนทุกท่านที่ให้การตอบรับหุ้น TRV ในวันนี้ ในฐานะผู้บริหาร เราจะเดินหน้าสร้างการเติบโตให้ธุรกิจอย่างสุดความสามารถ เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่นไปยังผู้ถือหุ้นของเรา” นายธีรวุฒิ กล่าว

อนึ่ง TRV เปิดเทรดวันแรกอยู่4.72 บาทต่อหุ้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.42 บาท หรือ 105.22% จากราคาจองซื้อ (IPO) อยู่ที่ 2.30 บาทต่อหุ้น จากนั้นราคาปรับขึ้นไปสูงสุดของวันที่ 5.35 บาท ส่วนราคาปิดตลาดอยู่ที่ 4.20 บาท มูลค่าการซื้อขายกว่า 2,109 ล้านบาท ตอกย้ำความเชื่อมั่นนักลงทุน หุ้นชิ้นส่วนยานยนต์และเครื่องใช้ไฟฟ้า ที่มีทิศทางการเติบโตต่อเนื่องในอนาคต

Back to top button