สแกน 14 หุ้น mai โกยรีเทิร์นเดือน ส.ค. ทะลุ 20%

หุ้น mai เดือนสิงหาคม 2568 คึกคัก KCC พุ่ง 58% นำทีม AMARC-TRV-APO ขึ้นแรง สะท้อนแรงซื้อเก็งกำไรและศักยภาพธุรกิจเฉพาะตัวหนุนผลประกอบการเติบโต


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลการเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ตลอดเดือนสิงหาคม 2568 โดยพบว่ามีหุ้นหลายตัวที่สามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างโดดเด่น แม้ภาพรวมตลาดเผชิญแรงกดดันจากปัจจัยทั้งภายในและต่างประเทศ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจชะลอตัวและความไม่แน่นอนทางการเมือง อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มเก็งกำไรและหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวกลับได้รับแรงซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

โดยหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงที่สุดในรอบเดือนคือ บริษัท ไนท คลับ แคปปิตอล โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ KCC จากราคาปิด 1.70 บาท ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 พุ่งขึ้นแตะ 2.70 บาท ณ วันที่ 29 สิงหาคม 2568 หรือเพิ่มขึ้นถึง 58.82% ตามมาด้วย บริษัท อรินสิริ แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ ARIN จาก 0.46 บาท เพิ่มขึ้นเป็น 0.68 บาท หรือ 47.83% และบริษัท บีจีที คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BGT ที่ขยับจาก 0.31 บาท เป็น 0.45 บาท เพิ่มขึ้น 45.16%

ด้านบริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ AMARC ปรับจาก 2.60 บาท มาอยู่ที่ 3.76 บาท เพิ่มขึ้น 44.62% ส่วนบริษัท ที.อาร์.วี. รับเบอร์ โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TRV ปิดที่ 2.00 บาท จากเดิม 1.41 บาท เพิ่มขึ้น 41.84% ตอกย้ำความต้องการในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีการเติบโตต่อเนื่อง

นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่ขยับขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ได้แก่ บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ APO เพิ่มขึ้น 33.59%, บริษัท ทีวีดี โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TVDH เพิ่มขึ้น 28.57%, บริษัท แอ็พพลาย ดีบี จำกัด (มหาชน) หรือ ADB เพิ่มขึ้น 28.30% และบริษัท จี แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP เพิ่มขึ้น 28.30%

ขณะเดียวกัน หุ้นที่ปรับตัวขึ้นในระดับ 20-25% ได้แก่ บริษัท ยูเนี่ยน ปิโตรเคมีคอล จำกัด (มหาชน) หรือ UKEM เพิ่มขึ้น 25%, บริษัท เออาร์ไอพี จำกัด (มหาชน) หรือ ARIP เพิ่มขึ้น 24.39%, บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IND เพิ่มขึ้น 22.22%, บริษัท ไซแมท เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SIMAT เพิ่มขึ้น 21.10% และบริษัท เค.ซี.เมททอลชีท จำกัด (มหาชน) หรือ KCM ที่ปรับจาก 0.19 บาท ขึ้นเป็น 0.23 บาท เพิ่มขึ้น 21.05%

สำหรับการปรับตัวขึ้นของหุ้นเหล่านี้สะท้อนถึงแรงเก็งกำไรและความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ยังเลือกลงทุนในหุ้นรายตัวที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะหุ้นที่มีแผนธุรกิจโดดเด่น โครงการในมือ (Backlog) แข็งแกร่ง และมีปัจจัยบวกเฉพาะหนุนแนวโน้มผลประกอบการ โดยสามารถดูรายละเอียดได้ตามตารางด้านล่างนี้

โดยหุ้นที่โดดเด่นได้แก่ AMARC ล่าสุดนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) แนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากแนวโน้มกำไรสุทธิอยู่ในช่วงการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากการขยายขอบข่ายการให้บริการและการเพิ่มลูกค้าใหม่ โดยได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2568-2569 เพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 89% และปี 2570 เพิ่มขึ้น 82% หลังจากผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2568 ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้

ทั้งนี้ บริษัทมีกำไรสุทธิไตรมาส 2 ปี 2568 จำนวน 77 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 863% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 232% จากไตรมาสก่อน สูงกว่าประมาณการเดิมถึง 118% ปัจจัยสนับสนุนมาจากรายได้รวมที่เติบโต 100% เมื่อเทียบกับปีก่อน และเพิ่มขึ้น 62% จากไตรมาสก่อน โดยเฉพาะบริการตรวจวิเคราะห์ที่มีปริมาณงานเพิ่มขึ้นจากการขยายขอบข่ายบริการและการเปิดสาขาใหม่ ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 64.3% สูงขึ้นเมื่อเทียบกับทั้งปีก่อนและไตรมาสก่อน จากสัดส่วนรายได้บริการตรวจวิเคราะห์ที่มีอัตรากำไรเฉลี่ยสูงกว่า 40% เพิ่มขึ้นเป็น 97% ของรายได้รวม อีกทั้งยังได้รับประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาดจากปริมาณงานที่มากขึ้น

นอกจากนี้ บริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลครึ่งแรกปี 2568 ในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท คิดเป็นอัตราผลตอบแทนประมาณ 3% โดยกำหนดวันขึ้นเครื่องหมายไม่รับสิทธิปันผล (เอ็กซ์ดี) วันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา

สำหรับประมาณการใหม่ กรุงศรี ได้ปรับกำไรสุทธิปี 2568 ขึ้นเป็น 145 ล้านบาท จากเดิม 76 ล้านบาท ปี 2569 ขึ้นเป็น 148 ล้านบาท จากเดิม 78 ล้านบาท และปี 2570 ขึ้นเป็น 151 ล้านบาท จากเดิม 83 ล้านบาท โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการปรับเพิ่มสมมติฐานรายได้รวม 16%-21% สะท้อนปริมาณงานที่เพิ่มขึ้นจากการขยายขอบข่ายบริการ โดยเฉพาะบริการตรวจสารปนเปื้อนผลไม้ส่งออกที่ยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องจากข้อกำหนดการตรวจสอบของตลาดจีน อีกทั้งได้ปรับอัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มเป็น 51.5%-53.7% จากเดิม 45%-45.7% จากผลของการประหยัดต่อขนาดและการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ

โดยกำไรสุทธิครึ่งแรกปี 2568 คิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ของประมาณการใหม่ โดยแนวโน้มไตรมาส 3 ปี 2568 คาดว่ายังคงเติบโตสูงเมื่อเทียบกับปีก่อนจากรายได้รวมและอัตรากำไรขั้นต้นที่แข็งแกร่ง แม้ว่าจะชะลอตัวเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนตามทิศทางรายได้รวมและอัตรากำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย

Back to top button