“หุ้นเอเชีย” ผันผวน! หลังดัชนี PPI พุ่งขึ้น หวั่นเฟดเร่งขึ้นดบ.-วิตกโอมิครอน

“หุ้นเอเชีย” ผันผวน! หลังดัชนี PPI พุ่งขึ้นทำนิวไฮในเดือนพ.ย.จะผลักดันให้เฟดเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและได้รับแรงกดดันเกี่ยวกับผลกระทบของโอมิครอน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นเอเชียเคลื่อนไหวอย่างผันผวนในเช้าวันนี้ โดยถูกกดดันจากตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ปิดลบเมื่อคืนนี้ (14 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่พุ่งขึ้นทำนิวไฮในเดือนพ.ย.จะผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

โดยดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่  28,358.47 จุด ลดลง 74.17 จุด หรือ -0.26%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 23,658.04 จุด ลดลง 22.09 จุด หรือ -0.09% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,655.05 จุด ลดลง 6.48 จุด หรือ -0.18%

สำหรับนักลงทุนวิตกกังวลว่า การพุ่งขึ้นของดัชนี PPI จะเป็นปัจจัยผลักดันให้เฟดเร่งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต พุ่งขึ้น 9.60% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายปี ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่มีการรวบรวมข้อมูลดังกล่าวในเดือนพ.ย. 2553 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.20% หลังจากดีดตัวขึ้น 8.80% ในเดือนต.ค.

ส่วนทิฟฟานี วิลดิง นักวิเคราะห์จากบริษัทแปซิฟิก อินเวสเมนท์ แมเนจเมนท์ (PIMCO) คาดการณ์ว่า เฟดจะประกาศในการประชุมครั้งนี้ว่าจะเร่งปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และเตรียมปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 เนื่องจากมีความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะพุ่งขึ้นเป็นเวลานาน

ทั้งนี้นักวิเคราะห์จาก PIMCO คาดว่าเฟดจะประกาศลดวงเงิน QE เดือนละ 3 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มในเดือนม.ค. 2565 ซึ่งเพิ่มขึ้น 2 เท่าจากเดิมเดือนละ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ และจะประกาศเจตนารมณ์ในการยุติโครงการ QE ในเดือนมี.ค. 2565 ภายหลังการประชุมเสร็จสิ้นลงในวันพุธที่ 15 ธ.ค.นี้ตามเวลาสหรัฐ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังซึมซับรายงานที่ว่า นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนกำลังแพร่ระบาดในอัตราที่รวดเร็วกว่าไวรัสสายพันธุ์อื่น และมีแนวโน้มที่จะระบาดไปยังทุกประเทศทั่วโลก

อีกทั้งนายแพทย์ทีโดรสระบุว่า “โอมิครอนกำลังแพร่ระบาดในอัตราความเร็วที่เราไม่เคยเห็นมาก่อนในไวรัสสายพันธุ์ก่อนหน้านี้ และขณะนี้ได้ระบาดไปยัง 77 ประเทศแล้ว ความจริงก็คือ ขณะนี้โอมิครอนได้ไปยังประเทศส่วนใหญ่ของโลกแล้ว แม้ว่ายังไม่ถูกตรวจพบในบางประเทศก็ตาม” และระบุอีกว่า “WHO มีความกังวลต่อการที่ประเทศส่วนใหญ่เข้าใจว่าโอมิครอนเป็นไวรัสที่ไม่ก่อให้เกิดอาการรุนแรง ซึ่งเรายังไม่เข้าใจอย่างชัดเจนว่าไวรัสสายพันธุ์นี้ทำให้เกิดอาการของโรคที่เบากว่าหรือรุนแรงกว่าเมื่อเทียบกับสายพันธุ์ก่อนหน้านี้”

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจในภูมิภาคที่น่าติดตามในวันนี้ ได้แก่ อัตราว่างงานเดือนพ.ย. ของเกาหลีใต้, ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธ.ค. ของออสเตรเลียจากเวสต์แพค และข้อมูลเศรษฐกิจจีนหลายรายการ รวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย.

Back to top button