SSP เคาะขายหุ้นพีพี 50 ล้านหุ้น ให้ ‘พงศ์ศักดิ์-ยูโอบีเคย์เฮียน ไพรเวทฯ’ หุ้นละ 12.10 บ.

SSP เคาะขายหุ้นพีพี 50 ล้านหุ้น ให้ ‘พงศ์ศักดิ์-ยูโอบีเคย์เฮียน ไพรเวท ลิมิเต็ด’ หุ้นละ 12.10 บ. ช่วง 20 ธ.ค.-18 ม.ค.65


บริษัท เสริมสร้าง พาวเวอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SSP ตามที่ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2564 ของบริษัท ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 ได้มีมติอนุมัติเรื่องต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท รวมถึงการเสนอขายและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัท จำนวนไม่เกิน 50 ล้านบาท หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท

โดยเสนอขายแบบเฉพาะเจาะจงแก่บุคคลในวงจำกัด (private placement) ให้แก่ (1) UOB Kay Hian Private Limited และ (2) นายพงศ์ศักดิ์ ธรรมธัชอารี ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันของบริษัท “ผู้ลงทุน) โดยคณะกรรมการบริษัทมีมติกำหนดราคา เสนอขายไว้อย่างชัดเจนเพื่อเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาในราคาเสนอขาย 12.10 บาท ต่อหุ้น

ซึ่งเป็นราคาที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาด “ราคาตลาด” หมายถึงราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นสามัญของ บริษัท ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ย้อนหลังไม่น้อยกว่า 7 วันทำการติดต่อกันแต่ไม่เกิน 15 วันทำการติดต่อกันก่อน วันที่คณะกรรมการบริษัทมีมติเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัท เพื่อพิจารณาอนุมัติการออกและจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุน ของบริษัท ให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement) โดยที่ราคาถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นของบริษัทฯที่คำนวณย้อนหลัง 15 วันทำการติดต่อกัน ระหว่างวันที่ 15 มิถุนายน 2564 ถึง 5 กรกฎาคม 2564 เท่ากับ 13.3614 บาทต่อหุ้น (ข้อมูลจาก SETSMART www.setsmart.com)

ทั้งนี้บริษัทถือว่าได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่บุคคลในวงจำกัด ตามประกาศคณะกรรมการ กำกับตลาดทุนเลขที่ 72/2558 เรื่อง การอนุญาตให้บริษัทจดทะเบียนเสนอขายหุ้นที่ออกใหม่ต่อบุคคลในวงจำกัด จาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) แล้ว เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2564

ในการนี้เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 นายวรุตม์ ธรรมาวรานุคุปต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โดยได้รับมอบหมายจากที่ ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2564 ได้มีมติอนุมัติระยะเวลาการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายจำนวนไม่เกิน 50 ล้านหุ้น ในวันที่ 20 ธันวาคม 2564 – 18 มกราคม 2565 ในราคาเสนอขาย 12.10 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมเท่ากับ 605 ล้านบาท ซึ่งกำหนดโดยการเจรจาร่วมกันระหว่าง บริษัท และผู้ลงทุน โดยได้เปรียบเทียบกับราคาตลาดของหุ้นของบริษัท

Back to top button